วันพุธที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ดาบอาญาสิทธิ์ของยามาดะ / Yamada Nagamasa - Oja no ken (1959)


ดาบอาญาสิทธิ์ของยามาดะ / Yamada Nagamasa - Oja no ken (1959)
ผู้กำกับภาพยนตร์... Bin Kado
ดารานำแสดง... Kazuo Hasegawa- Raizô Ichikawa-Atsuko Kindaichi

             ยะมะดะ นะงะมะซะ หรือ ออกญาเสนาภิมุข (ญี่ปุ่น: 山田長政 Yamada Nagamasa; พ.ศ. 2113 - พ.ศ. 2173) เป็นซามูไรชาวญี่ปุ่น ที่เข้ามารับราชการ ดำรงตำแหน่งเจ้าเมืองนครศรีธรรมราชในสมัยกรุงศรีอยุธยา ได้รับบรรดาศักดิ์เป็น ออกญาเสนาภิมุข     ยะมะดะ นะงะมะซะ เดินทางเข้ามากรุงศรีอยุธยาในรัชสมัยพระเจ้าทรงธรรม โดยเดินทางกลับมาพร้อมกับคณะทูตจำนวน 60 คน ที่พระเจ้าทรงธรรมทรงส่งไปถึงเมืองเอโดะ(โตเกียวในปัจจุบัน) ในวันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2164 นะงะมะซะ ซึ่งในขณะนั้นเป็นเพียงข้าราชการชั้นผู้น้อย ได้รับราชการในกรมอาสาญี่ปุ่น และเจริญก้าวหน้าในเวลาต่อมา เป็นเจ้ากรมอาสาญี่ปุ่น ในชื่อออกญาเสนาภิมุข (ตำแหน่ง ออกญา เทียบเท่า พระยา) ในรัชกาลสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง ยะมะดะ นะงะมะซะถูกล้อมจับ และถูกเนรเทศจากกรุงศรีอยุธยาไปเป็นเจ้าเมืองนครศรีธรรมราช มีบุตรชายลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น กับภรรยาชาวไทย นามว่า โอนิน และได้ส่งบุตรชายและคณะไปเรียกส่วยภาษีจากเมืองปัตตานี แต่ได้รับการต่อต้านจากจากชาวต่างชาติในเมืองปัตตานีเช่น ฮอลันดา โปรตุเกส และอังกฤษ ที่ไม่พอใจที่ชาวญี่ปุ่นมีอิทธิพลในแถบนั้น ยะมะดะ นะงะมะซะ ยกกองทัพไปทำศึกกับปัตตานี แต่ได้รับบาดเจ็บถูกฟันที่ขา จึงยกทัพกลับนครศรีธรรมราชขณะที่การรบยังไม่เสร็จสิ้น  ยะมะดะ นะงะมะซะ ถึงแก่กรรมที่เมืองนครศรีธรรมราช เมื่อ พ.ศ. 2176 หลังจากได้รับพิษจากยารักษาแผล ที่พระเจ้าปราสาททอง ทรงบัญชาให้ออกพระมะริด เจ้าเมืองไชยา นำยาพิษงูผสมยางไม้ มาให้รักษาโดยหลอกว่าเป็นยาหลวงจากราชสำนัก (-จากวิกิพีเดีย)


                ภายหลังเชื่อกันว่ากระดูกของออกญาเสนาภิมุขถูกเก็บไว้ในเจดีย์แห่งหนึ่งใน วัดพระศรีมหาธาตุ พร้อมกับความทรงจำเกี่ยวกับ "ญี่ปุ่นหัวโกน" ในเพลงกล่อมเด็กของชาวนคร


              ภาพยนตร์แนวประวัติศาสตร์ อัตประวัติคนสำคัญของประเทศไทยที่มีเชื่อสายญี่ปุ่น ที่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าผู้สร้างจะยกกองมาถ่ายทำในประเทศไทย  ซึ่งทั้งๆที่ยังไม่ชัดเจนในหลายๆจุดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงหรืออิงมาจากนิยาย





               ชื่อยามาดะน่าจะเป็น ตำนานที่ถูกใช้ เช่น ในสมัยเมจิ มีการกล่าวถึงยามาดะในดินแดนที่อยู่ตอนใต้ ก็เป็นเพราะญี่ปุ่นอยากขยายอิทธิพลลงทางใต้แต่ไกล เลยต้องสร้างตำนานขึ้นมารองรับ ต่อมาสมัยสงครามโลกครั้งที่สองก็ใช้ตำนานนี้เช่นกัน เพราะทำให้ญี่ปุ่นมีกำลังใจว่าทางตอนใต้มีชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งเคยเป็นใหญ่ ในตำราเรียนระดับมัธยมของญี่ปุ่นก็มีเรื่องเกี่ยวกับ ยามาดะ นางามาสะ ที่ล้วนเป็นตำนานเกินเลยข้อเท็จจริงทั้งสิ้น"



               ตำนานเหล่านี้มีการเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละสมัย จนถึงวันนี้ตำนานเรื่องเดียวกัน ถูกใช้เพื่อสนับสนุนด้านการท่องเที่ยว ทั้งในอยุธยาและนครศรีธรรมราช รวมถึงถูกใช้ในกลุ่มนักธุรกิจชาวญี่ปุ่นที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทย

วันจันทร์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

กี่หมื่นวัน..ไม่ลืมคำสัญญาพ่อ / ODE to MY FATHER (2014)


กี่หมื่นวัน..ไม่ลืมคำสัญญาพ่อ / ODE to MY FATHER (2014)
บทภาพยนตร์... Park Su-jin/ดนตรีประกอบ... Lee Byung-woo/ถ่ายภาพ....Choi Young-hwan/ลำดับภาพ... Lee Jin/ผู้อำนวยการสร้าง... Yoon Je kyoon-Park Ji seong/ผู้กำกับภาพยนตร์... Yoon Je-kyoon
ดารานำแสดง... เจิง มิน ฮวาง-ยุนจิน คิม

                      ท่ามกลางการหลบหนีอันวุ่นวายของผู้ลี้ภัยในสงครามเกาหลีในเดือนธันวาคม ปี 1950 โชคชะตาของเด็กหนุ่มที่ชื่อว่า ด๊อกซู (เจิง มิน ฮวาง) ก็เปลี่ยนไปในชั่วพริบตาเมื่อเขาพลัดหลงกับ มักซูน น้องสาว   พ่อของเขาจึงอยู่ตามหาน้องสาวและบอกให้เขาพาแม่ และพี่น้องหนีไปที่ปูซานก่อน   ด๊อกซูอุทิศตนเองเพื่อสมาชิกในครอบครัวที่เหลืออยู่ โดยรับทำงานทุกอย่างที่สามารถหาเลี้ยงครอบครัวในฐานะหัวหน้าครอบครัวแทนพ่อของเขา โดยการอุทิศตนของเขานำพาให้เขาถึงขั้นไปทำงานเสี่ยงตายในเหมืองแร่ที่เยอรมัน และที่นั่นก็ทำให้เขาได้พบกับ ยองจา (ยุนจิน คิม) ผู้เป็นรักครั้งแรกของเขา เขาและเธอกลับไปเริ่มต้นชีวิตครอบครัวที่ปูซาน และมีบุตรด้วยกัน 2 คน หลังจากนั้น ด๊อกซู และ ดัลกู ก็ตัดสินใจออกจากเกาหลีอีกครั้งในปี 1970 เพื่อหาโอกาสใหม่ๆที่ดีกว่าเดิม ซึ่งในครั้งนี้พวกเขาเดินทางสู่เวียดนามซึ่งอยู่ในภาวะสงครามอันยืดเยื้อ จนกระทั่งปัจจุบันที่เขาใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางญาติพี่น้องที่มีทุกวันนี้ได้เพราะเขา


                    ภาพยนตร์แนวดราม่า ผจญภัย ไปกับคนสู้ชีวิตที่มีสัจจะ ลูกผู้ชายที่รับภาระหน้าที่หัวหน้าครอบครัวตั้งเยาว์วัยจนโตใหญ่ เป็นลูกผู้ชายหัวใจแกร่ง ท่ามกลางสงครามทั้งในประเทศตนเองและนอกประเทศ





โลเกชั่น-เพชรบุรี ประเทศไทย
มีป้ายภาษาไทยหลุดมา 1 ป้าย ศาลาประชาชน

ทีมงานสร้างของไทย

                   ภาพยนตร์มีถ่ายที่ประเทศ เกาหลี เช็ค และไทย  ซึ่งฉากในประเทศไทยเป็นฉากแทนเยอรมันกับเวียตนามในหลายๆฉาก  โดยทีมงานสร้างของ the 6th elepmebt ของไทยเราเนรมิตเสียจนสมจริงสมจัง  

                    นี่คือภาพยนตร์ที่สร้างเพื่ออุทิศให้กับความหมายของคำว่า พ่อโดยไม่ต้องรอให้ถึงวันพ่อ   รักพ่อรักได้ทุกวัน  สร้างภาพยนตร์รักพ่อสร้างได้ทุกวันเช่นกัน

วันพฤหัสบดีที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

วีรบุรุษหมัดเหล็ก 2 / The Man With The Iron Fists 2 (2015)


วีรบุรุษหมัดเหล็ก 2  / The Man With The Iron Fists 2 (2015)
บทภาพยนตร์... John Jarrell-RZA/ดนตรีประกอบ…Howard Drossin-RZA/ถ่ายภาพ... Roel Reiné/ลำดับภาพ... Charles Norris/ผู้อำนวยการสร้าง... Marc Abraham-Ogden Gavanski/ผู้กำกับภาพยนตร์... Roel Reiné
ดารานำแสดง... RZA- Dustin Nguyen- Cary-Hiroyuki Tagawa-ชนิทนันท์(ชูชัย) บุษราคัมวงษ์-โกวิท วัฒนกุล-สหจักร บุญธนกิต-ชาร์ลี เลิศโปกานนท์-ดอม เหตระกูล-นพพันธ์ บุญใหญ่-แพทริก ถัง

                   ชาวบ้านคนหนึ่งที่ต้องร่วมมือกับชายแปลกหน้าผู้มาเยือนเพื่อต่อสู้กับพลังแห่งความชั่วร้ายทั้งจากโลกนี้และโลกอื่น ในเมืองที่ทำเหมืองแร่แห่งหนึ่งของจีน ศตวรรษที่ 19  เมื่อชายแปลกหน้านาม แธดดีอุส ถูกพบร่างที่บาดเจ็บสาหัสอยู่ใกล้หมู่บ้านหนุ่มชาวเหมือง ลีคุง และ อาหนี ผู้เป็นภรรยาได้พาเขามารักษาตัว เมื่อหายดี แธดดีอุสได้ก้าวเข้ามาอยู่ตรงกลางระหว่างความขัดแย้งของชาวบ้านกับปรมาจารย์โฮ จอมวายร้าย แก๊งบีเทิลผู้ชั่วร้ายของเขา และจอมมาร ลอร์ดไป่ แต่เพราะมีแธดดิอุสอยู่ฝ่ายเดียวกับเขา ทำให้คุง หนุ่มชาวเหมืองธรรมดา กลายเป็นจ้าวนักรบอันตรายในศึกกังฟูอภิมหามันส์ครั้งนี้!!!


                   เป็นภาพยนตร์ออกแนวแอ๊คชั่น ประเภทใช้  Martial Arts ในการต่อสู้  มีเวที  มีการประลองฝีมือ  แต่เดิน เรื่องราวไปตามชีวิตของคนงานเหมืองที่ถูกปฎิบัติจากนายจ้างแบบทารุณโหดร้ายเกินมนุษย์  แม้จะทนเจ็บเก็บกดเอาไว้แต่แค้นของทุกคนก็รอวันระเบิด


โลเกชั่น-เชียงใหม่  แม่ฮ่องสอน ประเทศไทย

โลเกชั่น-ถ้ำลอด แม่ฮ่องสอน

คุณสหจักร บุญธนกดิต

คุณโกวิท วัฒนกุล

คุณชาร์ลี เลิศโปกานนท์


คุณนพพันธ์ บุญใหญ่ และ คุณดอม เหตระกูล

คุณแพทริก ถัง

คุณชนิทนันท์ บุษราคำวงษ์


รวมดาราไทย

ทีมงานสร้างไทย

                    ทีมงานไทยนำโดย คุณ ชาร์ลี สัวขเวส  นำทีมงาน living films มากฝีมือลุยงานที่เชียงใหม่  และถ้ำรอด ที่ปางมะพร่า แม่ฮ่องสอน สมมุติเป็นฉากในเหมืองแร่  ดาราไทยเราได้โอกาสร่วมแสดงในหลากหลายบทบาท หลายคน พี่ดอมกลับมารับงานอีกครั้ง ลุงโก เจ้าเก่าและแก่ขึ้นเยอะก็มา  คุณสหจักร  คุณนพพันธ์ คุณชาร์ลี ไม่หนีไปไหน  พระเอกดื้อสวยดุคุณแพทริกก็ยังตามมาให้เห็นหน้า  ส่วนคุณชนิทนันท์ หรือคุณชูชัยในบทอาจารย์มวยจีนท่านเหมาะกับบทมากๆทีเดียว
                   วันหน้า วันไหนมีภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์อย่างทศกัณฑ์เข้ามาขอถ่ายทำ  ขอให้มีดาราทุกท่านมีชื่อร่วมงานกับเขาทุกคน  เผื่อจะได้ไปเปิดตัวภาพยนตร์ที่เมืองนอกเมืองนาบ้าง  เหมือนดาราที่เขาไปมาแล้วหลายคน เช่น...

                  I’m Tony Jaa…I come from Thailand  “  ฟังแล้วขนลุกทั้งตัว  หัวนมชันทีเดียวเจียว

วันพุธที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ผจญภัยในแดนลามะรามา / Kaptein Sabeltann og skatten i Lama Rama (2014)


ผจญภัยในแดนลามะรามา / Kaptein Sabeltann og skatten i Lama Rama (2014)
บทภาพยนตร์... Lars Gudmestad/ดนตรีประกอบ... Patrik Andrén-Johan Söderqvist/ถ่ายภาพ... John Andreas Andersen/ลำดับภาพ... Jens Christian Fodstad/ผู้อำนวยการสร้างLars Andreas Hellebust-Frederick Howard-Gudny Hummelvoll-Fredrik Støbakk./ผู้กำกับภาพยนตร์... John Andreas Andersen-Lisa Marie Gamlem
ดารานำแสดง...Tuva Novotny-Fridtjov Såheim Fridtjov Såheim-Anders Baasmo Christiansen-Odd Magnus Williamson

                   พิ้งกี้ (วินจาร์ ปีเตอร์เซ่น) เด็กกำพร้าได้ติดตาม กัปตันเซเบอร์ตู๊ด (ไครี ฮูเก้น ซิดเนสส) ไปในการเดินทางที่น่าตื่นเต้นและอันตรายที่สุด  ต้องล่องเรือข้ามมหาสมุทรขนาดใหญ่เพื่อค้นหาอาณาจักรของพระราม, พร้อมกับการตามล่าหาสมบัติมูลค่ามหาศาล  และหาคำตอบว่าใครคือพ่อของพิ้งกี้


                    เป็นภาพยนตร์แนวโจรสลัดกับขุมทรัพย์ในดินแดนไกลโพ้นทะเล  ออกแนวแอ๊คชั่นผจญภัย  แต่บรรยากาศในภาพยนตร์ชวนเหงาและง่วงนอนมาก  ภาพยนตร์ไม่สนุกหรือตื่นเต้นพอที่จะนำเข้าฉายตามโรงภาพยนตร์ได้  โอกาสดีๆจึงเป็นของพ่อค้า ดีวีดี ที่จะได้มีภาพยนตร์ใหม่เอี่ยมวางตลาดบ้างโดยไม่ต้องรอการฉายตามโรงภาพยนตร์


                     ผู้สร้างแวะมาถ่ายทำที่ทางใต้ของไทย  ทั้งในอุทยานแห่งชาติจังหวัดกระบี่และน่านน้ำทะเลไทย  มีทั้งถ่ายทำฉากลุยเข้าป่าหาสมบัติ  และเก็บภาพทะเลและเกาะนำไปซ้อนภาพสร้างเป็นฉากเมืองใหญ่เมืองหนึ่ง เป็นเมืองสมมุติขึ้นมาตามท้องเรื่อง โดยทีมงานสร้างไทยนำโดย คุณ ชิดชนก ปลอดริภู









โลเกชั่น-ประเทศไทย

ทีมงานสร้างของไทย

                     ถึงตรงนี้ก็ต้องขอบอกเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่ดูแลพื้นที่ต่างๆของบ้านเราให้ช่วยถนอมทรัพยากรป่า ทะเล เกาะแก่ง ให้คงความสวยงามเอาไว้เสมอ  เมื่อไหร่ที่มันสะท้อนความงามขึ้นมาสู่สายตาชาวโลก  ดินแดนสวรรค์อย่างไทยแลนด์คนคงเข้าคิวรอมาเที่ยวกันคับคั่ง

วันพุธที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

เจ้าถิ่นกรุงเทพฯ / The Rambler Under the Southern Cross (1961)




เจ้าถิ่นกรุงเทพฯ / The Rambler Under the Southern Cross (1961)
บทภาพยนตร์... Yamazaki Iwao/ดนตรีประกอบ... Taichirô Kosugi/ถ่ายภาพ... Takamura Taro/ผู้กำกับภาพยนตร์... Takeichi Saitô
ดารานำแสดง... Ruriko Asaoka-Arihiro Fujimura-Nobuo Kaneko-Akira Kobayashi-Jô Shishido-Yûji Odaka

                   ซินยี่ (อากิระ โคบายาชิ) หนุ่มพเนจรจากญี่ปุ่นกับกีต้าร์คู่ใจที่หน้าอกมีดอกไม้เสียบอยู่ ระหว่างเดินทางได้ช่วยเหลือพ่อค้าชื่อมาซึโมะโตะจากพวกเหล่าร้าย  และวายร้ายคนหนึ่งมีสร้อยทับทิมอยู่กับตัวซึ่งซินยี่จำได้ว่าเป็นสร้อยของพี่ชายที่หายสาบสูญไป  เพื่อสืบเรื่องให้กระจ่างซินยี่จึงตรงมาที่กรุงเทพฯ เรื่องของเรื่องมันเกี่ยวกับนักราณคดีและคนร้ายรวมทั้งพวกมือปืนระหว่างชาติ



                  ภาพยนตร์ญี่ปุ่น ที่สร้างเป็นตอนๆเหมือนภาพยนตร์สายลับเจมส์ บอนด์ 007 แต่ตอนนี้เป็นตอนที่ 6 จาก 8 ตอน (ตามข้อมูล)ที่ออกแนวแอ๊คชั่นสืบสวนสอบสวนแต่ก็มีบ้างในบางช่วงที่เป็นดราม่า ยุคที่ผู้สร้างภาพยนตร์ชาวญี่ปุ่นคิดเปิดตลาดประเทศเอเชียแถบบ้านเราทั้งแถบให้ราบเป็นหน้ากลอง  จึงลงทุนมาถ่ายทำไล่มาตั้งแต่ญี่ปุ่น  ฮ่องกง ลาว  และกรุงเทพฯ ประเทศไทย  มีอยุธยาผสมผสานอยู่ด้วย  แต่ยกประโยชน์ให้ประเทศไทยเต็มๆ เพราะเราตั้งชื่อเรื่องแบบไม่เผื่อแผ่ใครเลย ว่า เจ้าถิ่นกรุงเทพฯ เป็นภาพยนตร์ไม่ยาวนักแค่ 79 นาที  ในใบปิดภาษาไทยจึงมีแถมภาพยนตร์การชกมวยชิงแชมป์แถมให้อีกคู่หนึ่ง






                   ข้อมูลบอก ค.ศ.ที่ฉายบ้าง 1961  บ้างบอกว่า 1966  แต่ไม่ว่า ค.ศ.ไหนๆเราก็ไม่ทันได้ดูอยู่ดี ก็ตามหาจนท้อก็เลิกหาไป  แต่มาอ่านบทความของแมงมุมเข้าที่ว่า..ถ้าอยากรู้ว่าใครเป็นเจ้าพ่อกรุงเทพฯตัวจริงสมัยนั้นต้องดู  เราก็เลยฮึดขึ้นมาค้นหาอีกรอบจนในที่สุด...ก็หาไม่เจออยู่ดีแหละ เฮ้อ..