วันเสาร์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2557

ดินแดนแห่งรอยยิ้ม / Das Land Des Lachlanh / a.k.a. Land of Smiles (1952)


ดินแดนแห่งรอยยิ้ม / Das Land Des Lachlanh / a.k.a. Land of Smiles (1952)
บทภาพยนตร์...Victor Leon&Axel Eggebrecht&Hubert Marischka/ ดนตรีประกอบ...Franz Lehar/ ถ่ายภาพ...Kurt Schulz/ ลำดับภาพ...Margarete Steinborn/ กำกับศิลป์...Willi Herrmann&Peter Schlewski&Heinrich Weidemann/ ผู้อำนวยการสร้าง...Kurt Ulrich/ ผู้กำกับภาพยนตร์...Hans Deppe& Erik Ode
ดารานำแสดง...Martha Eggerth-Jan Kiepura-Walter Muller-Paul Horbiger-Ludwig Schmitz
                    ลิชซี่ ลิชท์(Martha Eggerth) นักร้องโอเปร่าระดับรางวัลแกรมมี่เดินทางไปเยี่ยมศาสตราจารย์เฟอร์ดินาลด์ ลิชท์(Paul Hoebiger) ลุงของเธอที่มหาวิทยาลัยในเวียนนา ลิชซี่ได้รู้จักชายหนุ่มจากเอเซียชื่อโซอุ(Jan Kiepura)ซึ่งเป็นนักเรียนของลุงโดยที่ไม่ทราบว่าโซอุคือเจ้าชายจากประเทศจาโรวาและโซอุก็ไม่ทราบว่าลิชซี่เป็นนักร้องที่มีชื่อเสียงโด่งดัง  เมื่อมีโอกาสได้ขึ้นเวทีร้องเพลงด้วยกันครั้งหนึ่งหนุ่มสาวทั้งคู่ก็เกิดสัมพันธ์รักกันขึ้นจนขนาดตัดสินใจแต่งงานกันแต่ชีวิตใช่จะไร้อุปสรรค  ความที่เป็นคนต่างบ้านต่างเมืองแตกต่างทางวัฒนธรรม ข้อจำกัดจากกฎหมายบ้านเมือง ประเพณีปฎิบัติล้วนทำให้ความรักของคนทั้งคู่ดำเนินไปท่ามกลางปัญหา...พวกเขาจะทำอย่างไร

                         ภาพยนตร์เพลงแนวรักโรแมนติกที่นำบทละครโอเปร่ามาดัดแปลงสร้างเป็นภาพยนตร์ฉายโรง เนื้อหาที่นำเสนอก็เกี่ยวกับการต่อสู้ฟันฝ่าอุปสรรคที่ขวางกั้นความรักของหนุ่มสาวดูแล้วก็ไม่ต่างจากละครเวทีเรื่อง The King and I นัก ผู้สร้างนำดารานักร้องโอเปร่าตัวจริงเสียงจริง Martha Eggerth มานำแสดงพบพระเอกหล่อเสียงดี Jan Kiepura
Martha Eggerth-Jan Kiepura-ดารานำแสดง

                       ภาพยนตร์เยอรมันตะวันตกเรื่องนี้นอกจากจะถ่ายทำในเยอรมัน ในเบลเยี่ยมแล้วยังยกทีมงานสร้างลัดฟ้ามาถ่ายทำที่ประเทศไทยบ้านเราทั้งที่จังหวัดอยุธยาและกรุงเทพฯซึ่งสมมุติเป็นประเทศจาโรวาตามเนื้อเรื่อง  นอกจากเพลงเพราะๆฝีมือของ Franz  Lahar  แล้วความสวยงามของโลเกชั่นบ้านเรามีส่วนทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับความนิยมจนมีการนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ใหม่อีกในปี ค.ศ.1930 และปีค.ศ.1961(tv) และประโยคที่ว่า Land of Smiles คนต่างชาติต่างก็ยอมรับว่าหมายถึงประเทศไทย(สยาม)ซึ่งถือเป็นคำชื่นชมที่เราคนไทยภาคภูมิใจเป็นที่สุด











 โลเกชั่น-อยุธยา และกรุงเทพฯ ประเทศไทย

                     ...จงภูมิใจเถิดที่เกิดเป็นไทย มิเป็นทาสใครแหละมีน้ำใจล้นปริ่ม ทั่วโลกกล่าวขานขนานนามให้ว่าสยามเมืองยิ้ม เราควรกระหยิ่มถึงความดีงาม...(เพลงสยามเมืองยิ้ม-ลพ บุรีรัตน์/พุ่มพวง ดวงจันทร์)




                       ที่ผ่านมาฝรั่งต่างชาติยังมองว่าเราเป็น Land of Smiles แล้วทำไมช่วงที่ผ่านมา(พ.ศ.2551-เป็นต้นมา) การเมืองไทยตกต่ำสุดๆ นักการเมืองอาศัยความศรัทธา ความนิยมของประชาชนที่สนับสนุนตนเองและพรรคแบ่งแยกคนไทยจัดแข่งกีฬาสีทำให้คนไทยด้วยกันเองเกิดการแยกเขี้ยวใส่กัน มีเขี้ยวมีฟันก็ดีไป แต่ถ้าไม่มีเขี้ยวไม่มีฟันเหลือแต่เหงือกมาแยกใส่กัน...โอย สยองอีกหน่อยไปไหนมาไหนในอาณาเขตประเทศไทยมองไปทางไหนไม่เห็นรอยยิ้ม คนไทยไม่ยิ้มให้กันเสียแล้ว ที่นี้ใครๆจะรู้ได้ไงว่าใครคนไหนคือคนไทย จะพูดจากับใครทีก็ยังลังเลใจจนต้องถามก่อนว่าคนไทยหรือเปล่า เจอแบบนี้    เป็นนิยายเรื่องยาวไม่มีวันจบง่ายๆ น้ำเน่าเรือหาย...การเมืองไทย
ปล. ขอบคุณภาพจากเว็บบ์ซื้อขาย EBAY

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น