วันจันทร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2556

ผีทะลุตา 3มิติ /The Child’s Eye 3D (2010)


ผีทะลุตา 3มิติ /The Child’s Eye 3D (2010)
บทภาพยนตร์...Oxide Pang Chun-Danny Pang-Thomas Pang/ดนตรีประกอบ...Origin Kampanee/ถ่ายภาพ...Decha Srimantra/ลำดับภาพ...Curran Pang/ผู้อำนวยการสร้าง...Alvin Lam-Oxide Pang Chun-Danny Pang/ผู้กำกับภาพยนตร์...Oxide Pang Chun-Danny Pang
ดารานำแสดง...เรนนี่ หยาง-ชอน หยู

           นักท่องเที่ยวจากฮ่องกงชายสามหญิงสาม มาเป็นคู่ๆ  มาเที่ยวกรุงเทพ แต่ปรากฏว่าเจอเหตุการณ์จลาจล  มีม็อบปะทะตำรวจ  ทั้งหมดกลัวเลยรีบเช๊คเอาท์ออกจากโรงแรมกลับฮ่องกง แต่พวกม๊อบปิดสนามบินอีกด้วยจึงบินออกนอกประเทศไม่ได้    คนขับรถตู้เลยอาสาพาไปพักที่โรงแรมใกล้ๆสนามบิน  ซึ่ง โรงแรมที่เลือกพัก ก็ดูซอมซ่อ และเหมือนจะมีอะไรแปลกๆ แต่ทั้งหกก็ยังตัดสินใจพักที่นี่กัน    ทั้งหก พบกับเด็กสามคนกับหมาหนึ่งตัว ที่มีทีท่าแปลกๆเมื่อพบกับกลุ่มของพวกเขา    ในขณะที่กำลังทานข้าวกันอยู่ เรนนี่เกิดอยากออกไปดูเหตุการณ์จลาจลซึ่งเกิดใกล้ๆโรงแรม  ก็เลยพาเพื่อนซวยไปด้วยเพราะดันไปเห็นผีอยู่ในม็อบ แล้วหลังจากนั้นเพื่อน แต่ละคนก็เจออะไรแปลกๆกันไปหมด   เหมือนมีอะไรแปลกๆอยู่ในกลุ่มพวกเขา   ผ่านคืนแรกไป  หนุ่มๆทั้งสามคนหายไปคงเหลือแต่สามสาวที่ต้องตามหาว่าเกิดอะไรขึ้น และ เรนนี่ต้องขอความช่วยเหลือจากหมาที่มองเห็นผีได้ เพื่อตามหาเพื่อนที่หายไป  จนได้พบความลับดำมืดที่ค้นหา


          เป็นภาพยนตร์จากฮ่องกงออกแนวสยองขวัญขยันเห็นผีของผู้สร้างพี่น้องตระกูลแปง  ซึ่งพวกเขาชอบจับเอาเหตุการณ์จริงในบ้านเมืองเรามาดัดแปรงสอดแทรกเรื่องราวระทึกขวัญเกี่ยวกับสิ่งลึกลับโดยเฉพาะเรื่อง ผี เพิ่มเข้าไปอีกและแนวลึกลับแบบนี้  ก็ต้องมีตัวละครที่ถูกจับตามองว่าเป็นผู้ก่อเหตุมากมาย  ตัวละครที่ทำตัวลึกลับจะโดนจับผิดทั้งหมด  แต่ส่วนใหญ่จะเป็นตัวหลอกของพี่น้องตระกูลแปง ที่หลอกให้เราเดาผิด  เราก็กลายเป็นพี่น้อง “ตระกูลจัง”  คือ อายจัง กับ โง่จัง  ไปเลย

เรนนี่ หยาง-ชอน หยู

         เดี๋ยวนี้พอเข้าตาจน  หาภาพยนตร์ที่มาถ่ายทำในประเทศไทย  หรือภาพยนตร์ที่มีคนไทยร่วมแสดง ร่วมสร้างอยู่ด้วยไม่ได้เมื่อไร  ก็อาศัยหาจากภาพยนตร์ของ  “แปงบราเธอร์”  นี่แหละ ไม่มีผิดหวัง  ถ่ายทำในประเทศไทยเกือบจะทุกเรื่อง  แม้ว่าจะดูยาก เดายาก ว่าเขาถ่ายที่ไหน ตรงไหน แต่ก็ไม่พ้นความสามารถในการมั่วนิ่มๆ ของเราไปได้หร็อก


 คนไทยสามัคคี-เล่นกีฬาสีกันสนุกสนาน

 ย้ายออกจากโรงแรมหรู

 มาอยู่โรงแรมจิ้งหรีด


โลเกชั่น-กรุงเทพฯ ประเทศไทย

          ภาพยนตร์สร้างในระบบสามมิติ  จึงต้องมีอะไรต่อมิอะไรพุ่งออกจากจอมาใส่คนดูให้ได้สะดุ้งกันเป็นช่วงๆ   ภาพยนตร์อาศัยความมืดซ่อนหลายๆอย่างเอาไว้ให้คนดูลุ้นว่ามันจะพุ่งออกมาหาเมื่อไรกันว่ะ   พี่น้องตระกูลแปงยังสอดใส่เรื่องราวความเชื่อของคนจีนที่มี เกี่ยวกับชีวิตหลังความตายโดยสร้างโลกหลังความตายจากจินตนาการขึ้นมาให้เห็นจริงในเรื่องบาป บุญ คุณ โทษ จากการทำกรรมดี กรรมชั่ว   ดูแล้วนึกถึงซี่รี่ย์เรื่อง “พิภพมัจจุราช” ของรัชฟีล์มทีวีในอดีต  หรือ “ยมบาล(พี่เอก รังสิโรจน์)เจ้าขา”  ในปัจจุบัน  คล้ายๆกัน

วันอาทิตย์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2556

โลกจ๋า อย่าอิจฉารักเรา / Oasis (2002)


โลกจ๋า อย่าอิจฉารักเรา / Oasis (2002)
บทภาพยนตร์...Lee Chang-dong/ดนตรีประกอบ...Yiruma-Jae-jin Lee/ถ่ายภาพ...Yeong-taek Choi/ลำดับภาพ...Hyun Kim/ผู้อำนวยการสร้าง...Cho Min choul-Jay Jeon-Gye-nam Myeong/ผู้กำกับภาพยนตร์...Lee Chang-dong
ดารานำแสดง... ซอยคุงกู-มูนโซริ

              ฮง จง ดู ต้องติดคุกจากคดีขับรถชนคนตายทั้งๆที่เขาไม่ได้เป็นผู้กระทำแต่เขารับผิดแทนพี่ชาย  วันนี้เขาพ้นโทษแล้ว  เขานำกระเช้าผลไม้ ไปมอบให้กับครอบครัวของชายคนที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุครั้งนั้น  ที่บ้านหลังนั้น เขาได้พบกับ กง จู ลูกสาวของชายคนที่เสียชีวิต ที่ตอนนี้เป็นโรคอัมพาตแบบปากเบี้ยว มือหงิก ขางอ   เขาสงสารเธอจึงพยายามสร้างมิตรภาพกับเธอกงจู จนกระทั่งเกิดความเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน แต่ก็ต้องถูกครอบครัวของกง จู ต่อต้านอยู่ตลอดเวลาในห้องนอนของกองจูจะมีภาพปักรูปโอเอซิสแขวนไว้ที่ผนัง เมื่อเวลากลางคืนแสงไฟจะส่องทำให้กิ่งไม้แห้งที่ริมหน้าต่างทอดเงาผ่านภาพนี้ เงาดำของกิ่งไม้จะแกว่งไปมาตามแสงไฟและสายลมที่พัดไกวกิ่งไม้ มันเป็นเงาที่กองจูกลัวมาก เธอจึงบอกกับเขา ดังนั้นทุกคืนเมื่อจองดูส่งเธอเข้านอนก่อนที่เขาจะกลับบ้านนั้น เขาจะร่ายเวทมนตร์ให้เงาดำนี้ให้หายไป เธอจึงนอนหลับสบาย   จองดูก็มาหาเธอทุกวัน  ช่วยเธอทำงานบ้าน ซักผ้า ทำอาหารให้เธอกิน พาเธอออกไปท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ   เขาเป็นคนเดียวที่เข้าใจเธอ คุยกับเธอรู้เรื่อง   เขาสองคนเรียนรู้ความในใจของกันและกัน เขาจึงสนิทสนมและรู้ใจกัน จนกลายเป็นความรัก     คืนหนึ่ง เมื่อจองดูมาส่งกองจูที่ห้อง กองจูชวนให้ชายหนุ่มอยู่ต่อ และเขาทั้งคู่ก็มีสัมพันธ์สวาทกัน และก็บังเอิญที่ พี่ชายของกองจูและพี่สะใภ้เอาเค้กวันเกิดมาให้กองจูพอดี เรื่องจึงถูกเปิดเผยขึ้น   จองดูจึงถูกจับเข้าคุก ในข้อหาข่มขืน หญิงสาวผู้พิการ   


              กลางดึกที่หน้าอพาร์ตเม้นต์ของกองจู มีเสียงดังอึกทึกจากข้างนอก เธอพยายามอย่างยิ่งที่จะไปเปิดหน้าต่าง และเธอก็ได้เห็น คนที่เธอรัก จองดูเขาหนีออกมาจากคุก มาเพื่อปีนขึ้นไปบนต้นไม้ และตัดกิ่งไม้แห้งที่เธอกลัวทิ้งไปทีละกิ่งๆ เพื่อไม่ให้มีเงากิ่งไม้มาปรากฎที่รูป โอเอซิส ในห้องนอนของเธอ เขายอมลำบากเพื่อมาทำให้หญิงสาวที่เขารัก เพื่อให้เธอได้นอนหลับสบาย...


             ภาพยนตร์เกาหลีแนวดราม่าจัดหนักเรื่องนี้พระเอกไม่หล่อขี้คุก ท่าทางกวนบาทา  นางเอกหาความสวยไม่เจอแถมพิการปากบูดปากเบี้ยว มือเท้าหงิกงอ แต่ความรักของทั้งคู่ใสซื่อ บริสุทธิ์งดงามน่าประทับใจ เป็นความรักที่คุณจะต้องหลั่งน้ำตาให้เพราะความสงสาร  ภาพยนตร์เรื่องนี้มีรายละเอียดที่ซับซ้อน ค่อยๆดูไปทีละฉากแล้วคุณจะพบเงื่อนงำและคำตอบ แล้วคุณจะรู้ว่า สังคมช่างแบ่งแยก-เลวร้ายนัก และโลกของพวกเขาช่างจริงใจและบริสุทธิ์ใจยิ่งนัก

ซอยคุงกู-มูนโซริ

            แรกๆตัวเอกดูเหมือนเป็นผู้ร้าย  แต่เมื่อดูไป ดูไป คนดูจะเห็นว่าที่จริงแล้วแม้ว่าเขาเป็นคนมารยาทไม่ดี  บุคลิกแย่   แต่ที่จริงเขามีน้ำใจกว่าคนปกติที่แต่งกายงดงามและมีหน้ามีตาในสังคม    ดาราที่แสดงเป็นผู้หญิงพิการ  แสดงเก่งมาก เพราะมือต้องหงิก เท้าหงิกไปคนละทาง  ตาก็ต้องเหล่  ปากเบี้ยว  แต่เธอก็แสดงได้ดี  จนคนดูต้องร้องไห้ๆปกับเธอ


ภาพที่คาดเดาว่าถ่ายในประเทศไทย
เดาผิดขออภัย

ทีมงานสร้างฝ่ายไทย

            แม้ตอนนี้ยังไม่ทราบเลยว่ามาถ่ายที่ตรอก ซอก ซอยไหนในประเทศไทย  เห็นมีเพียงชื่อทีมงานสร้างฝ่ายไทยจากบริษัท เพนนี ฟีล์ม สี่ห้าคน ได้ร่วมงานด้วย  ก็คาดเดาว่าอะไรที่เป็นจุดเด่นของไทยเรา  มันก็ควรมีอยู่ในฉากที่ถ่ายใประเทศไทย

           ยอมรับว่ามั่วได้ใจที่เดียวงานนี้

วันเสาร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2556

สู้ตาย แม่ไม้มวยไทย / Dreams of Glory, A Boxer's Story (1991)


สู้ตาย แม่ไม้มวยไทย / Dreams of Glory, A Boxer's Story (1991)
บทภาพยนตร์...Chan Man-Keung-Sin Gam-Ching-Bill Yip Kim-Fung/ดนตรีประกอบ...Wong Yat Ping-Leung Kiu Paak/ถ่ายภาพ... Wong Bo Man-Gwaan Paak Suen-Chan Lok Yee/ลำดับภาพ...Wong Wing Ming-Cheung Kwok Kuen/ผู้อำนวยการสร้าง...Stephen Shin Gei-Yin/ผู้กำกับภาพยนตร์...Lawrence Lau Kwok-Cheong
ดารานำแสดง... Jackie Lui Chung-Yin-Do Siu Chun-Chan Tak Hing-Lam King Kong

            หมิง กับ ตั๊ก เป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนในโรงเรียนท้องถิ่นของฮ่องกง  จากการทะเลาะและยกพวกตีกันกับนักเรียนโรงเรียนอื่นที่เป็นคู่อริ  ทำให้ทั้งสองต้องหันมาฝึกวิชาการต่สู้  พวกเขาเรียนมวยไทยกับค่ายมวยไทยเล็กๆที่ตั้งอยู่บนดาดฟ้าของตึกอาศัย  แต่นั่นยังไม่พอเพียงอย่างที่พวกเขาต้องการ  หมิงกับตั๊กจึงเดินทางมาหาประสบการและเรียนมวยไทยที่ประเทศไทย  ที่ค่ายเล็กๆในขนบท มีนักมวยไม่มาก  อยู่กินกันอย่างแร้นแค้น  จนมองไม่เห็นหนทางจะรุ่งโรจน์  ตั๊กจึงถอดใจกลับบ้าน  แล้วถูกส่งขึ้นชิงแชมป์  ส่วนหมิงยังรอความหวังอยู่ในค่ายมวยที่ประเทศไทย


          เป็นภาพยนตร์แนวดราม่า-แอ๊คชั่น เดินเรื่องเหมือนภาพยนตร์สารคดี    ว่าด้วยเรื่องของศิลปการต่อสู้ป้องกันตัวซึ่งในเรื่องนี้เป็นกังฟูฮ่องกงแต่จะมีรูปแบบของการชกมวยไทยเข้าไปผสมผสานอยู่ด้วย  ในต่างประเทศส่วนใหญ่จะเรียกแบบนี้ว่าเป็น คิ๊กบ๊อกเซอร์  มากกว่ามวยไทย  ไม่ทราบว่าการเรียก “มวยไทย” มันลำบากปากตรงไหน    คือพวกที่เรียนศิลปะการต่อสู้ทั้งหลายเขารู้กัน ว่ามวยไทยนะมันแน่แค่ไหนแต่จะชูว่าดีกว่าศิลปการต่อสู้ที่ตัวเองถนัดอยู่ก็จะยังไงๆ มันคงจะเสียหน้า  ไอ้ครั้น อยากเรียนรู้ อยากชกมวยๆไทยให้เป็น  แต่ทำได้แค่ข้างๆคูๆ  เลยพยายามหาคำศัพท์ใหม่มาเรียกมันซะ  โดยไม่ยอมเรียกมันว่า “มวยไทย”  แค่นั้น...จบ



          ภาพยนตร์บินข้ามทะเลมาถ่ายทำในประเทศไทยหลายฉากอยู่  เห็นชัดเจนคือที่แม่น้ำแคว  จังหวัดกาญจนบุรี  ส่วนค่ายมวยน่าจะอยู่แถวๆกรุงเทพฯ  เพราะมีรถตุ๊กๆมาเข้าฉากด้วย




โลเกชั่น-ประเทศไทย

         มวยไทย  เป็นมรดกไทย  เรามีนักมวยอย่างนายขนมต้มป็นฮีโร่สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นต้นแบบ   เรามีแม่ไม้มวยไทยที่ใครๆก็ไม่สามารถเรียนรู้และเข้าใจได้ดีเท่าคนไทย   ลูกหลานไทยควรรักษามรดกไทยอันนี้ไว้ให้อยู่นานแสนนาน  ส่วนพวกวิชามวยไทยปลอมๆที่ต่างชาตอพยายามจะตั้งชื่อ จะจัดไฟท์มาสู้กันนั้นมันแค่ทำเพื่อธุรกิจ  ประเดี๋ยวประด๋าวก็หายไปเอง

วันศุกร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2556

ซาลีม ใหญ่ไม่กลัว กลัวไม่ใหญ่ / Saleem (2009)


ซาลีม ใหญ่ไม่กลัว กลัวไม่ใหญ่ / Saleem (2009)
บทภาพยนตร์...YVS Chowdary-Chintapalli Ramana/ดนตรีประกอบ...Sandeep Chowta/ถ่ายภาพ...C. Ram Prasad/ลำดับภาพKotagiri Venkateswara-Rao/ผู้อำนวยการสร้างMohan Babu/ผู้กำกับภาพยนตร์...YVS Chowdary
ดารานำแสดง...Vishnu Manchu-Ileana D'Cruz-Mohan Babu

        ปัจจุบัน ซาลีมต้องต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตเพื่อรักษาความรักของเขากับ ไปรยาแฟนสาวของเขา เอาไว้...ในอดีต ซาลีมคือนักเลงที่มีแก๊งค์ใหญ่โตมาก  เป็นคนที่กฎหมายต้องการตัวไปทั้งโลก  ทั้งในแม็กซิโก  สวิตเซอร์แลนด์ และไมอามี่


       ภาพยนตร์บอลีวู๊ดแนวแอ๊คชั่น  ผสมด้วยดราม่าเพื่อความกลมกล่อม-อูมามิเล็กน้อย  ภาพยนตร์ชี้ให้เห็นผลจากการกระทำกรรมชั่วในอดีตที่กำลังตามมาสนองชายคนหนึ่งกับสาวคนรักที่ไปร่วมมีวิบากกรรมแต่ปางไหนกับเขาเมื่อไรก็ไม่ทราบที่ต้องมาพลอยฟ้าพลอยฝนรับกรรมไปกับเขาด้วย

Vishnu Manchu-Ileana D'Cruz

       แต่ถึงแม้เขาจะทำกรรมชั่วแต่เขาก็ไม่เถื่อนมากถึงขนาดร้องหรือฟังเพลงไม่เป็น  ฉากร้องเล่นเต้นกระหน่ำจึงต้องมาถ่ายทำในประเทศไทย  กับชายหาดขาวๆ น้ำใส สีคราม  เกาะแก่งเรียงรายอยู่ในทะเล  พระเอกนางเอกเต้นเขย่าไขมันกันด้วยสีหน้าและอารมณ์สิเน่หาตาเยิ้ม เหมือนเบาหวานขึ้นตา  ล้อเล่นน่า...






 โลเกชั่น-จังหวัดกระบี่-พังงา ประเทศไทย

       โบราณว่าไว้...ขี่หลังเสือแล้วลงยาก  อันนี้เป็นความจริง  กรรมชั่วหรือการกระทำที่เลวร้ายต่างๆคือเสือ  ใครเขาไปแตะต้องหรือเข้าไปคลุกคลีเกี่ยวข้อง  มากเท่าไรก็อันตรายเท่านั้น  ครั้นจะถอนตัวก็ถอนยากยิ่งกว่าถอนขนจั๊กแร้  เพราะต้องถูกตามฆ่า-ตัด-ตอน อูย...เสียว  ชีวิตจึงมีเหลือแค่สองทางเลือกคือ ตายกับตาย   ใครไม่อยากให้ตัวเองหรือคนที่ตัวเองรักต้องตกเป็นเหยื่อ  ก็จงบอกกับตัวเองและคนรอบข้างว่า  “Just Say No” กับคนไม่ดีที่คอยชวนเราให้เดินทางผิดโดยเฉพาะเพื่อนเลวๆ.....การดูคนว่าคนไหนดีคบได้  คนไหนเลวไม่น่าคบ มีหลักอยู่ว่า...

      “คนดี ชอบแก้ไข  คนจัญไร ชอบแก้ตัว  คนชั่ว ชอบทำลาย  คนมักง่าย ชอบทิ้ง  คนจริง ชอบทำ  คนระยำ ชอบตด”

วันพฤหัสบดีที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2556

ปฏิบัติการเชือดนิ่ม / Mission of Justice (1992)


ปฏิบัติการเชือดนิ่ม / Mission of Justice (1992)
บทภาพยนตร์... Tony Liu Jun Guk/ผู้อำนวยการสร้าง...Ma On/ผู้กำกับภาพยนตร์... Tony Liu Jun Guk
ดารานำแสดง...Moon lee-Yukari Oshima-Sophia Crawford-Gary Daniels-Mark Houghton

          เจ้าหน้าที่สาว มูน กับ บูลเล็ต สองคนที่ได้รับมอบหมายงานจากผู้พันหญิงแครี่ ที่จะทำลายแก๊งที่เกี่ยวข้องในการผลิตผงขาว และการลักลอบขนยาเสพติดข้ามชาติให้ได้


        ภาพยนตร์ฮ่องกงแนวแอ๊คชั่นผู้หญิงเก่งในตระกูลเชือดนิ่มๆ นำแสดงโดย 2 สาวต้นตระกูลคือ มูน ลี หรือ หลีไช่ฟ่งกับยูคาริ โอชิมา ช่วยกันลุยเจ้าแม่ค้ายาที่แสดงโดยโซเฟีย ครอว์ฟอร์ด  เตะถีบกันกลิ้งไปกลิ้งมา  ตามสไตล์ของผู้สร้าง  และทีมผู้แสดง


        ช่วงเริ่มต้นล่านั้นถ่ายกันแถวๆเชียงใหม่  ทางเหนือของไทย  ระเบิดภูเขา  เผากระท่อมกัน กันตูมตาม จนจ้องกระเด็น  พัดกระดอนไปคนละทิศละทาง  จากนั้นก็ไล่ถล่มกันเข้าไปในป่า  ลงแม่น้ำ


โลเกชั่น-ประเทศไทย


        ภาพยนตร์ในช่วงนั้น นอกจากตระกูลเชือดนิ่มแล้ว  ยังมีตระกูลซือเจ๊อีกตระกูลหนึ่ง  ซึ่งตระกูลซือเจ๊ก็จะมีสองสายพันธุ์ คือซิอเจ๊ในแบบซินเธีย  ร็อทร็อค  กับซือเจ๊หยางจื้อฉุน  ที่ผงาดอยู่ท่ามกลางภาพยนตร์แนวเจ้าพ่อทั้งหลายของฮ่องกงอยู่ได้ แน่มากจริงๆ

วันพุธที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2556

รักวุ่นวายหัวใจ 18 / Love 18 (2009)

รักวุ่นวายหัวใจ 18 / Love 18 (2009)
ดารานำแสดง...ชิน ชินวุฒิ-จงซินอี่-เฉินเจ๋อเย่า

      โจชัว เด็กหนุ่มลูกครึ่งไต้หวัน - อเมริกา อายุ 18 ปี เกิดและเติบโตในอเมริกา เขาต้องเดินทางมาประเทศไต้หวันเพื่อมาตามหาอาม่า หลังจากที่แม่ของเขาเสียชีวิต    เรื่องราวต่างๆ ทั้งหมดจึงเกิดขึ้นในช่วงปิดเทอมฤดูหนาว เมื่อเขาต้องมาใช้ชีวิตที่ไต้หวัน สถานที่ที่เขาไม่คุ้นเคย ต้องเจอกับปัญหาเรื่องภาษาและการปรับตัวกับอาม่าที่ไม่เคยพบกันมาก่อน     ในไทเปนั้น เขาเริ่มพัฒนาความสัมพันธ์กับทั้ง อาเจ๋อ และเสี่ยวซาน เด็กวัยรุ่นทั้งสามคนต่างก็มาจากพื้นฐานที่ต่างกัน พวกเขาร่วมกันผ่านความสุข ความขัดแย้ง ความเข้าใจและความผิดหวังไปพร้อมๆ กับความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนที่ผูกพันกันมากขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายแล้วทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็เป็นหนทางแห่งการเรียนรู้ชีวิตของพวกเขาทั้งสาม ในฤดูหนาวนั้น ทำให้หนุ่มน้อยโจชัว เข้าใจอาม่าของเขามากขึ้น และค่อยๆ ฝ่าฟันอุปสรรคทางภาษา    อย่างไรก็ตามความไม่แน่นอนในชีวิตก็ได้เกิดขึ้น เมื่อฤดูหนาวผ่านไป โจชัวก็ต้องเผชิญหน้ากับทางเลือกของชีวิตอีกครั้ง
      ภาพยนตร์ซี่รี่ย์แนวดราม่า ครอบครัว แบบลูกไม้หลากสี   ซีรีย์เรื่องนี้เกิดจากการที่ชินได้โฆษณากล้องโซนี่แล้วกระแสตอบรับดีมาก   ทางโซนี่มาเลเซีย เลยสร้างซีรี่ย์เรื่องนี้ขึ้นมาโดยให้ชินเป็นตัวเอกของเรื่องถ่ายทำที่ไต้หวัน  เรื่องนี้แสดงให้เห็นถึงความรักในครอบครัว ความรักระหว่างเพื่อน และความรักของวัยรุ่นหนุ่มสาว   ซึ่งกระแสตอบรับซีรีย์เรื่องนี้ที่มาเลเซียดีมาก  และเพลงประกอบชินก็เป็นคนร้องเอง โดยเอาเพลงแทงข้างหลังทะลุถึงหัวใจของอ๊อฟ ปองศักดิ์มาแต่งเป็นภาษาจีนแทน

ชิน ชินวุฒิ-จงซินอี่-เฉินเจ๋อเย่า
      แม้จะได้เป็นตัวเอก  เป็นตัวละครที่เดินเรื่อง  แต่ด้วยความที่เป็นซี่รี่ย์  มีตัวละครเยอะตัว  ทำให้ความสำคัญของตัวละครโจชัวของชินลดบทบาทลงมาอย่างมาก   เพราะผู้สร้างเขาเน้นความสำคัญของทุกบทให้เท่าเทียมกัน  เหตุเพราะจ้างดาราขวัญใจของแต่ละประเทศมาร่วมแสดงกัน (ไทย-มาเลเซีย-ไต้หวัน)  ก็ต้องไม่ให้ใครน้อยหน้าใคร  ก็หวังผลทางการตลาดในการขายกล้องโซนี่  เราก็เลยไม่รู้สึกว่าชินเป็นพระองพระเอกอะไรกับเขา 





 
คุณ ชิน-ชินวุฒิ  อินทรคูสิน

       มีอย่างหนึ่งของวัยรุ่นสมัยนี้ที่พวกเขาทำและชัดเจนมากคือการสร้างภาษาใหม่มาใช้กันจนคนเฒ่าคนแก่อย่างเราเกิดอาการกลัวหนักกลัวหนาว่ามันจะทำให้ภาษาไทยวิบัติ  ซึ่งคนที่เข้าอกเข้าใจวัยรุ่นทั้งหลายก็บอกว่าไม่เป็นอย่างนั้นหร็อกเพราะภาษาเหล่านั้นมันเกิดมาประเดี๋ยวประด๋าว เดี๋ยวมันก็ตาย เดตสมอเล่  ซึ่งก็จริงอยู่...แต่อยากจะบอกกล่าวผ่านไปยังคุณวัยรุ่นทั้งหลายว่า แทนที่เธอจะเอาเวลาไปสร้างภาษา คำศัพท์ใหม่ๆมาใช้  สู้เธอพยายามเข้าใจภาษาที่มีอยู่ให้เข้าใจท่องแท้ซะก่อนจะดีกว่าไหม  อย่างน้อยประโยชน์ที่ได้ก็คือ เธอจะได้เข้าใจสิ่งที่พ่อแม่สั่งสอน  เข้าใจสิ่งที่คุณครูอบรมบ่มนิสัย  พ่อแม่ครูอาจารย์ก็จะฟังพวกเธอรู้เรื่อง  เข้าใจในความคิดพวกเธอ  ปัญหาระหว่างวัย  ปัญหาวัยรุ่นกับครอบครัวก็จะไม่มี  

วันอังคารที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2556

เชือด เชือด นิ่มๆ / Iron Angels(1987)


เชือด เชือด นิ่มๆ / Iron Angels(1987)
บทภาพยนตร์...Teresa Woo/ถ่ายถาพ...Sander Lee/ผู้อำนวยการสร้าง...Gary Chan-Amy Choi-William Yuen/ผู้กำกับภาพยนตร์...Raymond Leung-Teresa Woo
ดารานำแสดง...Hideki Saijo-Moon Lee-Alex Fong-Yukari Oshima-David Chiang

        องค์การตำรวจสากลและกองทัพไทยไปปฏิบัติภารกิจร่วมกันเพื่อสกัดกั้นยาเสพติดในสามเหลี่ยมทองคำ  เจ้าพ่อยาเสพติดจึงแก้แค้นโดยการส่งสายลับเข้าไปในกองทัพไทยเพื่อลอบสังหารเจ้าหน้าที่ในองค์การตำรวจสากล   ทางการสหรัฐอเมริกาจึงต้องระดมนักสืบมืออาชีพจากฮ่องกงมาทำงานปราบปรามในครั้งนี้


       เป็นภาพยนตร์ฮ่องกงแนวแอ๊คชั่น ผู้หญิงเก่ง ดื้อ สวย ดุ ไม่มีเป๋ไก๋  สร้างในยุคฟองสบู่ของหลีไช่ฟ่ง หรือมูน ลี ยังไม่แตก  อาหมวยหน้ากลมผมสั้นบ้างยาวบ้างในช่วงนั้นจึงได้ออกมาวาดลวดลายเตะต่อย หักแข้งหักขาผู้ชายอกสามศอกเป็นหนึ่งวาเป็นว่าเล่น  ซึ่งบ้านเราก็ตั้งชื่อภาพยนตร์ที่เธอแสดงทุกเรื่องเป็นแนวเดียวกันเกือบจะเหมือนเป็นภาคต่อ..คือ เชือด เชือดนิ่มๆ นิ่ม 2  นิ่ม 3 ก็ว่ากันไป

moon li-yukari oshima-david jiang-alex fong-hideki saijo
      ภาพยนตร์มีกล่าวถึงประเทศไทย  ก็เลยมีมาถ่ายที่ประเทศไทย  ที่กรุงเทพฯ ในฉากสั้นๆ  ใช้ทีมงานสี่ห้าคนเท่านั้นในฉากมือปืนตามยิงนายตำรวจท่านหนึ่งขณะขับรถไปตามถนน  ส่วนฉากยกพลถล่มไร่ฝิ่นที่สามเหลี่ยมทองคำก็น่าจะใช่แต่ฉากที่ตัวประกอบชาวจีนใส่ชุดตำรวจ นั่งดื่มกินกันจนเมาหัวทิ่ม ไม่ทราบว่าฉลองที่ถล่มสามเหลี่ยมทองคำสำเร็จหรือเปล่า...ฉากนี้น่าจะไม่ได้ถ่ายในไทย


 โลเกชั่น-กรุงเทพฯ ประเทศไทย



 โลเกชั่น-ประเทศไทย

ทีมงานสร้างฝ่ายไทย
       เห็นหลีไช่ฟ่งแล้วทำให้นึกถึงจีจ้า...น่าเสียดายถ้านางเอก จีจ้า ของไทยเราจะอยู่เลี้ยงลูกอยู่กับบ้านเฉยๆ  เพราะชื่อชั้นนางเอกนักบู๊ที่มีแฟนคลับในหลายๆประเทศติดตามชื่นชมไม่แพ้ จา พนม เลยทีเดียว  ยังอยากให้สร้างผลงานต่อไปเรื่อยๆ


       สำหรับจา พนม เขามาดังตอนอายุมากแล้ว  เมื่อเขาสามารถจะกอบโกยชื่อเสียง กอบโกยเงินทองเข้าพกเข้าห่อ  ก็ปล่อยเขาไปเถอะเสี่ย   ดูเฉินหลงเป็นตัวอย่าง  วิ่งตามฮอลีวู๊ดมาทั้งชีวิตก็ไม่เห็นว่าฮอลีวู๊ดจะสนใจ   แต่พออายุมากขึ้นฮอลีวู๊ดกลับมาเชิญไป  เชิญไปตอนแก่จะไปทำอะไรได้มากสักเท่าไร  แสดงภาพยนตร์ก็ได้ไม่กี่เรื่องก็ต้องถูกปลดโดยสังขาร มาเป็นตัวรอง  ตัว2 ตัว 3 มันน่าเซ็งไหมเล่า