เรื่องราวของเนศ / The Story of Net (2010)-v
บทภาพยนตร์...Lasse Nielsen& Bancha Khemngeun/ดนตรีประกอบ...Matz Muller/ถ่ายภาพ...Lasse
Nielsen/ลำดับภาพ...Georg P. Muller/ผู้อำนวยการสร้าง...Gerald
Herman/ผู้กำกับภาพยนตร์... Lasse
Nielsen& Bancha Khemngeun
ดารานำแสดง...Thanet Putthasorn- Bancha
Khemngeun
หลังจากแม่ตาย เนศ เด็กชายวัย 12
ปี หูตึง พูดไม่ได้แต่อ่านปากคนเก่ง ถูกส่งไปอยู่กับพ่อและแม่เลี้ยง
ซึ่งพ่อก็ไม่ยินดียินร้ายและไม่เคยสนใจว่าเนศเป็นลูก มีแต่ปู่เท่านั้นที่สงสารและเอ็นดู กับเพื่อนผู้หญิงลูกสาวแม่ค้าขายของชำ กับเด็กวันรุ่นที่โตกว่าและเกเร ประพฤติตัวไม่ดีจนทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายบ่อยครั้ง
แต่ก็เป็นเพื่อนคนเดียวที่เนศมีอยู่และเข้าใจจิตใจเขาดีกว่าคนอื่น ต่อมาผู้เป็นพ่อเริ่มหันมาใส่ใจและเริ่มสร้างความรักความผูกพันขึ้นทีละน้อยๆ แล้ววันที่เนศรอคอยก็มาถึงจนได้ วันที่เขามีพ่อที่แท้จริง
เป็นภาพยนตร์ของผู้กำกับฯ เลสซี่ นีลเส่น ที่มีผู้อำนวยการสร้างอย่าง
เจอรัล เฮอร์แมน นำเงินก้อนเล็กๆมามอบให้บริษัทลิฟวิ่งฟีล์ม สร้างสรรค์ผลงานภาพยนตร์อินดี้ฯ
ออกแนวดราม่า นำเสนอเรื่องราวของเด็กน้อย 12
ปีที่สีหน้าบ่งบอกอาการไร้ความรู้สึกมากๆ
เรื่องทั้งเรื่องมีรอยยิ้มให้เห็น 2-3 แว่บเท่านั้น
ที่ต้องมาอยู่กับพ่อที่ไม่เคยคิดว่าเขาเป็นลูกอะไรเลย แต่เมื่อมาอยู่ด้วยกันแม้ความสัมพันธ์จะไม่ราบรื่นนักแต่เรื่องราวของสายเลือดที่มี
ดีเอ็นเอ เข้ากันได้แบบนี้ สุดท้ายและไม่นานพวกเขาก็จะเปลี่ยนแปลงมารักกัน
ผูกพันกัน เป็นครอบครัวเดียวกันได้แน่นอน
Thanet Putthasorn
ด้วยความที่มันเป็นภาพยนตร์จากผู้สร้างอิสระ ฟอร์มธรรมดาๆ การเดินเรื่องจึงดูอีดๆ บทเจรจาน้อยๆ ยิ่งนำดาราโนเนม
แกะกล่องซิงๆมาแสดง พูดเหมือนท่อง
การแสดงอารมณ์ได้บ้างไม่ได้บ้าง
เป็นอย่างนี้แน่นอน
แต่ว่าไปแล้วถ้ามองเป็นบวก
มันเป็นเสน่ห์ของภาพยนตร์ที่สร้างส่งประกวดแบบนี้
เป็นเหมือนอาจาดที่เรากินแก้เลี่ยนหลังจากกินหมูสะเต๊ะไปแล้ว 10
ไม้ใหญ่ๆ ดูภาพยนตร์แนวตลาดๆ ฟอร์มยักษ์
สปีเชียลเอ็ฟเฟ็กซ์ร้อยล้านมามากแล้ว
หันมาดูหนังที่ไม่มีอะไรโดดเด่นเลยแบบเรื่องนี้สักเรื่อง คุณอาจจะชอบมากกว่าก็ได้
ปัจจุบันในทุกๆวงการ
ทั่วโลก
นอกจากจะคิดค้นในสิ่งใหม่ๆมานำเสนอ(ขาย)
แต่ยังมีคนบางกลุ่มที่หันกลับไปมองอดีตแล้วหยิบยกเอาสิ่งที่ดี มีคุณค่า
นำกับมานำเสนอ(หรือพรีเซ็นต์)ใหม่
วงการภาพยนตร์ก็เช่นกันไม่ว่าคุณจะพัฒนาเอฟเฟ็คล้ำเลิศขนาดไหน
แต่ดูยังไงภาพที่ปรากฏก็ยังไร้วิญญาณ
ยังรู้สึกเหมือนดูการ์ตูน
ผู้สร้างที่เรียกตัวเองว่า อิสระ จึงหันไปสร้างภาพยนตร์ที่เขียนบทง่ายๆ บทน้อยๆ ตัวละครเป็นชาวบ้านธรรมดา แสดงไม่เป็น
เหมือนภาพยนตร์ยุคบุกเบิกแบบเรื่องนี้และอีกหลายๆเรื่อง แต่เพียงแต่นำอุปกรณ์ที่ทันสมัยมาใช้ในการสร้างเท่านั้น
ภาพยนตร์ของพวกเขาจะได้รับคำชมตรึม...นี่แหละสูงสุดคืนสู่สามัญ..ล่ะครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น