วันพฤหัสบดีที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

เมียสั่งทางไปรษณีย์ / Gekauftes Gluck (1989)



เมียสั่งทางไปรษณีย์ / Gekauftes Gluck (1989)
บทภาพยนตร์... Urs Odermatt / ถ่ายภาพ...Rainer Klausmann / ลำดับภาพ...Ulrike Pahl / ออกแบบเสื้อผ้า...Silvia Grabowski / แต่งหน้า...Kathy Kuhne / อำนวยการสร้าง...Christoph Locher&Alfred Nathan&Walter Saxer / ผู้กำกับภาพยนตร์...Urs Odermatt
ดารานำแสดง...Wolfram Berger-อรุโณทัย จิตตรีขันธ์-Werner Herzog-Mathias Gnadinger
                      เมื่อมารดาตาย หนุ่มชาวสวิสเซอร์แลนด์ไวน์เล็ตเตอร์ (Wolfram Berger) อยู่ทำไร่นาของเขาอย่างโดดเดี่ยวและเงียบเหงา  วันหนึ่งเขาได้ใช้บริการหาเมียทางไปรษณีย์ได้สาวไทยชื่อทามาร่า(อรุโณทัย จิตตรีขันธ์) มาแต่งงานอยู่กินกับเขาที่ฟาร์มแบบสามีภรรยาทั่วไป แรกๆก็มี ความสุขดี แต่ต่อมาเพื่อนบ้านเกิดความรู้สึกไม่ชอบหญิงสาวไทยที่ขายตัวเองมาเป็นเมียคนต่างชาติ เหมือนโสเภณีที่น่ารังเกียจ  ความรู้สึกแบบนี้ถ่ายทอดจากคนสู่อีกคนในหมู่บ้านจนสุดท้ายมันกลายเป็นกระแสความเกลียดชังจนไม่อยากคบหาสมาคมด้วย  ทามาร่าสาวไทยถูกชาวบ้านกลั่นแกล้ง ถูกเหยียดหยามดูหมิ่นสารพัดเกินกว่าที่ผู้เป็นสามีจะช่วยได้  เรื่องเล็กๆจึงกลายเป็นเรื่องใหญ่บานปลาย...


                     ภาพยนตร์แนวดราม่า ที่ว่าด้วยเรื่องราวของหญิงไทยที่กลายเป็นเมียสั่งทางไปรษณีย์ที่ไม่ได้รับการยอมรับจากเพื่อนบ้านของสามี  คนในชุมชนนั้นดูถูกเหยียดหยามว่าเธอเป็นเพียงโสเภณีขายตัวแลกเงิน เป็นผู้หญิงบาป น่ารังเกียจ สมควรไล่ส่งไปให้ไกลๆ แทนที่จะเป็นภาพยนตร์รักโรแมนติกที่นำเสนอตำนานรักข้ามขอบฟ้าเรื่องของเรื่องมันกลับกลายเป็นภาพยนตร์ฆาตกรรมซ่อนเงื่อนไปซะเฉยๆ
                          ภาพยนตร์เรื่องนี้น่าจะชี้ให้เห็นถึงการเหยียดสีผิว มองไม่เห็นค่าของความเป็นคนของกลุ่มคนในสังคมหนึ่งของประเทศที่เจริญแล้ว ซึ่งแทนที่คอยสอดส่องจับผิดประเทศอื่นๆโดยเฉพาะประเทศไทยเราว่ามีโสเภณีเต็มบ้านเต็มเมืองไปหมด น่าจะเอาเวลาไปส่องกระจกชะโงกมองเงาตัวเองมากกว่า       Gekauftes Gluck เป็นภาพยนตร์ลูกผสมระหว่างเยอรมันกับสวิสฯ มีดารานำคือพระเอก Wolfram Berger นำแสดงร่วมกับนางเอกภาพยนตร์ของไทยเราคุณ อรุโณทัย จิตตรีขันธ์ ซึ่งบทบาทในเรื่องนี้ส่งให้เธอโดดเด่นและเธอก็แสดงออกมาได้อย่างดีเยี่ยม


Wolfram Berger-อรุโณทัย จิตรีขันธ์-Werner Herzog-ดารานำแสดง


คุณอรุโณทัย  จิตตรีขันธ์-ร่วมแสดงนำ-1
คุณอรุโณทัย  จิตตรีขันธ์-ร่วมแสดงนำ-2

                           มันเป็นเรื่องยากนักที่จะที่จะให้คนต่างเชื้อชาติ ต่างศาสนา ต่างวัฒนธรรม อยู่ต่างถิ่นต่างที่มาเข้าใจเราทุกๆเรื่องเพราะปัญหาไม่ได้อยู่ที่ภาษาที่ใช้ในการสื่อสารกันเท่านั้น มันมีปัจจัยอื่นๆอีกมากมายที่เป็นปัญหาทางอ้อมอาทิ การเมือง เศรษฐกิจ การก่อการร้าย ที่มาเป็นอุปสรรคที่คนเราจะคบหาระหว่างกัน

                           คนไทยเหมาะสมกับคนไทยด้วยกัน หญิงไทยคนไหนจะตัดสินใจร่วมชีวิตกับชายชาวต่างชาติก็ขอให้คิดให้ดีก่อน ได้คืบจะเอาศอกผิดพลาดไปไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขได้นาคุณผู้หญิง  ชีวิตไม่ใช่ภาพยนตร์ Batman ที่จะมีภาคต่อ Returns หรือภาคใหม่ได้อีกบ่อยๆ

เดนหักเดน / Casualtirs of War (1989)



เดนหักเดน / Casualtirs of War (1989)
บทภาพยนตร์...David Rabe / ดนตรีประกอบ...Ennio Morricone / ถ่ายภาพ...Stephen H. Burum / ลำดับภาพ...Bill Pankow / ออกแบบงานสร้าง...Wolf Kroeger / กำกับศิลป์...Bernard Hides / ออกแบบเสื้อผ้า...Richard Brono / อำนวยการสร้าง...Art Linson / ผู้กำกับภาพยนตร์...Brian De Palma
ดารานำแสดง...Micheal J. Fox-Sean Penn-Don Harvey-John C. Rielly-John Leguizamo-Thuy Thu Le-Ving Rames-โป๋ เป่าปี่
                       ในระหว่างสงครามเวียตนามทหารใหม่อิริคสัน(Micheal J. fox) เข้ามาอยู่ในบังคับบัญชาของจ่าโทนี่ มีเซิร์ฟ (Sean Penn) อันมีทหารในทีมคือโทมัส อี. คล๊าก(Don Harvey) เฮอเบิร์ต แฮทเชอร์ (John C. Rielly) และแอนนีโอ ดิแอช (John Leguizamo) ทุกคนต่างเป็นทหารที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างไม่มีบกพร่องผิดพลาด  แต่แล้วคืนหนึ่งจ่ามีเซิร์ฟออกปากชวนทุกคนไปที่หมู่บ้านฉุดเอาลูกสาวชาวบ้าน ทราน ทริโอน(Thuy Thu Le) พาไปเวียนเทียนข่มขืนและฆ่าทิ้งกลางป่า ซึ่งอิริคสันไม่เห็นด้วยและไม่ยอมร่วมมือแม้ว่าจะช่วยเหลือสาวชาวบ้านไม่ได้  อิริคสันไปร้องเรียนผู้บังคับบัญชาระดับสูง(Ving Rames-รับบท) ท่านก็ไม่สนใจ ทุกคนถือเสียว่าว่านั่นคือการตอบแทนเล็กๆน้อยที่คนเวียตนามจะต้องมีให้พวกทหารอเมริกันที่มาช่วยรบ  พวกมีเซิร์ฟก็พยายามข่มขู่ให้เขาปิดปากเงียบตลอดเวลาแล้วฟ้าก็มีตาขณะที่อิริคสันดื่มเหล้าแล้วคร่ำครวญอยู่นั้น เสียงมันไปเข้าหูนายทหารชั้นระดับสูงผู้หนึ่ง  จ่ามีเซิร์ฟกับพวกจึงต้องขึ้นศาลทหาร แม้จะรับโทษน้อยนิดและแต่ก็ทำให้อิริคสันรู้ว่าโลกนี้ยังมีความยุติธรรมอยู่บ้าง


                        ภาพยนตร์แนวดราม่า มีแอ๊คชั่นผสมเพราะมีฉากหลังเป็นสงครามเวียตนาม เนื้อหาของภาพยนตร์นำเสนอความเลวร้ายของทหารอเมริกันที่ทำไว้กับสาวเวียตนาม ถ้ามองในแง่ทหารอเมริกันแล้วดูเหมือนว่าเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องขี้ประติ๋วขอกันกิน...อย่าไปว่าเขาเลยเขาอุตส่าห์มาช่วยรบ  ไม่มีใครใส่ใจแต่ถ้ามองด้วยตาของคนที่มีมนุษยธรรมมันคือเรื่องใหญ่ของหญิงสาวคนหนึ่งหากเจอะเจอเรื่องแบบนี้มันเป็นตราบาปไปทั้งชีวิต  คนเราเมื่อทำผิดก็ต้องรับผิดไม่ควรมีอภิสิทธิ์ที่จะเอาเรื่องราวบุญคุณใดใดมากล่าวอ้างกลบเกลื่อนให้ได้รับการละเว้นโทษได้  อย่างที่พระเอกของเรื่องพยายามจะหาความยุติธรรมให้กับเหยื่อสาวชาวเวียตนามผู้เคราะห์ร้าย    เรื่องนี้มีดาราคุณภาพร่วมแสดงคับคั่ง Micheal J. Fox-Sean Penn-John C. Rielly-Don Havey

Micheal J. Fox-Sean Penn-John C. Rielly-Don Havey-John Leguizamo

                 ทีมงานสร้างยกทีมมาถ่ายทำในประเทศไทยที่ทางรถไฟสายมรณะจังหวัดกาญจนบุรี ในฉากที่จับสาวชาวบ้านมาข่มขืนแล้วก็เกิดปะทะกับพวกเวียตกงจนสาวชาวบ้านลุกเดินหนีจ่ามีเซิร์ฟจึงยิงเธอตกทางรถไฟลงไปตาย  จากนั้นทีมงานสร้างก็ลงใต้ไปจังหวัดภูเก็ตสร้างฉากเป็นฉากหมู่บ้านมีการทำนา และฉากค่ายทหารอเมริกัน

(บน) ทางรถไฟสายมรณะจังหวัดกาญจนบุรี / (ล่าง) จังหวัดภูเก็ต

ภาพบางส่วนภาพยนตร์

                           มีทีมงานสร้างของบริษัทซานต้าฟีล์มร่วมงานสร้างนำดาราอินเตอร์ของไทยลุงโป๋ เป่าปี่ร่วมแสดงกับฌอนเพ้นท์ เห็นลุงโป๋สปีกอิงลิชจนไฟแล่บว่า โน่ โน่ โน่ โน่…..

คุณลุงป๋ เป่าปี่ เข้าฉากกับ Ving Rhames และ Sean Penn

                             นี่เป็นแค่เรื่องเล็กๆที่ทหารอเมริกันเขาลำเลิกบุญคุณกับเจ้าของบ้านที่เขาอ้างว่ามาช่วยรบที่นักเขียนนิยายเขาค้นหาข้อมูลมาเขียนแฉเอาไว้แต่เช้า    ผู้สร้างภาพยนตร์ก็สร้างคล้ายๆว่ารู้สึกสำนึกผิดแทนกองทัพประเทศตน ในเชิงขอโทษ        อเมริกาอยู่ช่วยเวียตนามใต้รบอยู่นานตั้งกี่ปีน่าจะยังมีเรื่องอะไรๆที่พวกเขาก่อเอาไว้ให้เอาออกมาแฉกันอีกมากมาย   ลองหาภาพยนตร์เกี่ยวกับสงครามเวียตนามมาดูเถอะ  จะพบเรื่องราวที่ไม่ชอบมาพากลอยู่อีกเยอะ

นักสู้นิรนาม / The Anonymous Heroes (1971)


นักสู้นิรนาม / The Anonymous Heroes (1971)
บทภาพยนตร์...Kuang Ni / ดนตรีประกอบ...Frankie Chan Fan-Kei / ผู้ถ่ายภาพ...Mu-To Kung / ลำดับภาพ...Kwok Ting-Hung / กำกับศิลป์...Johnson Tsao / ผู้อำนวยการสร้าง...Run Run Shaw / ผู้กำกับภาพยนต์....Cheh Chang
ดารานำแสดง...David Chiang-Ti Lung-Li Ching-Ku Feng
                 เมื่อพี่ใหญ่เหวิน (กุฟง) ชักชวน เม่งกัง (เดวิด เจียง)กับเพื่อนชื่อตี้หยู(ตี้หลุง) พร้อมสาวน้อยที่อาสาสมัครอย่างหยินฟาง(หลีชิง) ให้ร่วมอุดมการ ปฏิบัติการต่อต้านข้าราชการขี้โกงของแผ่นดิน ด้วยรูปแบบที่พวกเขาถนัด


                 เป็นภาพยนตร์แนวการต่อสู้เพื่ออุดมการ  ดูแรกๆแล้วนึกถึงพยัคฆ์ร้ายไทยถีบของไทยเราเพราะมีการปฏิบัติการทางรถไฟเป็นหลัก

David Chiang-Ti Lung นำแสดง

                  ภาพยนตร์ระบุว่าเรื่องเกิดแถวๆสามเหลี่ยมทองคำ และมาถ่ายแถวๆนั้น ทางเหนือของไทยซึ่งพอจะเชื่อได้เพราะรถไฟที่ใช้เป็น รฟท. รถไฟไทยจริงๆ ซึ่งจางเชอะคงไม่เช่าขบวนรถไฟไทยไปถ่ายทำที่บ้านเขาหร็อกนะ


                  คนไทยโดยสายเลือดและชาตินิยมขึ้นสมองอย่างเรา แค่ตัวอักษรไทย 3 ตัว จากสามคำก็อดภูมิใจจนตาปลิ้นไม่ได้แล้ว

พี่น้องตระกูลอึด / Duel of Fist (1971)



พี่น้องตระกูลอึด / Duel of Fist (1971)
บทภาพยนตร์...Kuang Ni / ดนตรีประกอบ...Yong-Uu Chen / ถ่ายภาพ...Mu-To Kung / ลำดับภาพ...Ting Hung Kuo / ฝ่ายศิลป์...Johnson Tsao / ผู้อำนวยการสร้าง...Run Run Shaw / ผู้กำกับภาพยนตร์...Cheh Chang

ดารานำแสดง...David Chiang-Ti Lung-Li Ching-ภาวนา ชนะจิต-Chen Sing
                      ฟั่นจิ่นเหลียน เจ้าของค่ายมวยจีนต้องการไปเมืองไทยเพื่อตามหาอดีตภรรยาเก่าและลูกชายที่หายสาบสูญไป แต่เขาตายเสียก่อนที่จะได้ไป ฟั่นเค๊อะ(เดวิด เจียง) ลูกชายคนที่สองของเขาที่รับช่วงดูแลค่ายมวยจีนต่อจากพ่อ จึงเดินทางไปเมืองไทยเพื่อทำตามเจตนารมณ์ของพ่อให้เป็นจริง เบาะแสที่มีอยู่ก็มีแค่รูปถ่ายเก่าๆ ใบหนึ่งและรู้เพียงว่า พี่ชายของเขาเป็นนักมวยไทยที่มีรอยสักรูปดอกไม้บนแขนข้างหนึ่งเท่านั้น เมื่อมาถึงเมืองไทยได้รู้จักกับ บุญเลิศ (ตี้หลุง) นักมวยหนุ่ม ที่พยายามทุกทางเพื่อหาเงินมารักษาแม่ที่ป่วยหนัก จึงต้องยอมรับคำท้าชกมวยกับ จ้วงเพ้า(เฉินซิง) นักมวยในสังกัดของเจ้าพ่อพนันคนหนึ่งและถูกบังคับให้ล้มมวย แต่บุญเลิศขัดคำสั่งและชกจนชนะมาได้ในที่สุด ความจริงจึงเปิดเผยออกมาว่าทั้ง บุญเลิศ และ ฟั่นเค๊อะ เป็นพี่น้องกัน ทั้งคู่จึงรวมกำลังกันบุกเข้าไปต่อสู้กับแก๊งนักเลงของเจ้าพ่อ จนตำรวจสามารถเข้ามาจับกุมเจ้าพ่อนักพนันได้
                      ภาพยนตร์แนวหมัดมวยซึ่งออกมาเป็นลูกครึ่งมวยไทยผสมกังฟู แถมมีเพลงดาบจากสำนักไหนไม่ทราบแต่งชุดออกแนวนักรบไทยมาร่วมโชว์ ตี รัน ฟัน แทง กัน สนุกสมใจจางเชอะผู้กำกับเขาล่ะ

David Chiang-Ti Lung นำแสดง

โลเกชั่นกรุงเทพฯ ประเทศไทย

                      ภาพยนตร์ถ่ายทำที่รอบๆกรุงเทพฯ ที่เวทีมวยราชดำเนิน  โรงแรมสยาม...แต่สงสัยว่าฉากสงกรานต์นั้นมันเหมือนเชียงใหม่มากทีเดียว  ดาราไทยมีคุณภาวนา ชนะจิต เป็นนางเอก ใครที่ไม่ใช่คนไทยแน่นแนว่าจะคิดว่าเป็นดาราฮ่องกง

ภาวนา ชนะจิต นางเอกของเรื่อง

                       แม้วันนี้ไข่มุกเอเชียจะดับลับไปแล้ว  แต่คุณค่าในอดีตของไข่มุกเม็ดนี้ยังอยู่ในใจผู้ชมภาพยนตร์ไทยเสมอและ...ตลอดกาล 

วันพุธที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ไอ้หนุ่มซินตึ้ง / The Big Boss (1971)



ไอ้หนุ่มซินตึ้ง / The Big Boss (1971)
บทภาพยนตร์....Lo Wei / ดนตรีประกอบ....Peter Thomas&Fu-ling Wang / ถ่ายภาพ....Ching Chu CHEN / ลำดับภาพ...Ming Sung / อำนวยการสร้าง....Raymond Chow / กำกับภาพยนตร์...Lo Wei
ดารานำแสดง...Bruce Lee-Maria Yi-James Tien-Nora Miao-มาลาลิน บุนนาค-Ying-Chieh Han
                 เฉาอัน(บรู๊ซลี) เดินทางมาจากแผ่นดินใหญ่มาเมืองไทยเพื่อหางานทำ ได้งานเป็นคนงานที่โรงน้ำแข็งแห่งหนึ่ง มีเจ้านายคือเถ้าแก่หาว (ฮั่นอิงเจี๊ยะ) ซึ่งได้เจอเพื่อนร่วมงานชาวจีนที่ดี แต่แล้วไม่นาน เฉาอันก็พบว่าพี่ใหญ่เพื่อนร่วมงานของเขาหายตัวไปโดยที่เถ้าแก่หาวก็ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น และเมื่อเวลาผ่านไป ความจริงก็ปรากฏว่าเถ้าแก่ค้ายาเสพติด โดยการซ่อนไว้ในก้อนน้ำแข็ง ซึ่งพี่ใหญ่ไปพบเข้าก็เลยถูกฆ่าปิดปาก แบบนี้เฉาอันก็ย่อมไม่อาจทานทนได้ ต้องแก้แค้นให้กับพี่ใหญ่ โดยการบุกเดี่ยวไปจัดการเจ้าพ่อค้ายาคนนี้ให้ได้
                เป็นภาพยนตร์แนวกังฟูไฟท์ติ้ง  ที่บริษัทโกลเด้นฮาร์เวสต์พยายามจะสร้างไปตีตลาดหนังฮอลีวู๊ด  จึงได้ดึงเอาดารากังฟูตัวพ่ออย่างบรู๊ซลีที่โด่งดังจากซี่รี่ย์ทางทีวีในบทเคโต้จากเรื่อง หน้ากากแตน มาแสดง  ซึ่งกังฟูแบบบรู๊ซลีก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เตะต่อยได้มันมากกว่ากังฟูทั่วๆไป
มาลาลิน บุนนาค-ร่วมแสดง

                 ภาพยนตร์เข้ามาถ่ายทำที่ประเทศไทยแถวๆนครราชสีมา  มีดาราไทยสาวสวยคุณมาลาลิน บุนนาค ร่วมแสดงนอกนั้นเป็นตัวประกอบอดทนของไทยมี ลุงหมี หมัดเม่นกับผองเพื่อนมาออกลีลากังฟูผสมมวยไทยสู้กับบรู๊ซลี

ทิวทัศน์ประเทศไทย

หลังจากภาพยนตร์เรื่องนี้เริ่มโด่งดัง มีผู้สร้างไทบ-ฮ่องกงจับมือสร้างภาค2 ต่อโดนนำกรุงกับหลอลี่มาประกบกัน ถ่ายทำที่นครราชสีมา อีกครั้ง ในฮ่องกงตั้งชื่อเรื่องว่า The Big Boss 2
ส่วนในไทยนั้นชื่อ เทพบุตรทอง




บางกอกฮิลตัน /Bangkok Hilton (1989)-tv



บางกอกฮิลตัน /Bangkok Hilton (1989)-tv
บทภาพยนตร์...Terry Hayes&Tony Morfett&Ken Cameron / ดนตรีประกอบ...Graeme  Revell/ ถ่ายภาพ...Geoff Burton / ลำดับภาพ...Henry Dangar&Marcus D’Arcy&Louise Innes&Frans Vandenberg / ออกแบบงานสร้าง...Owen Williams / กำกับศิลป์...Micheal Bridges / ออกแบบเสื้อผ้า...Glenys Jackson / อำนวยการสร้าง...Doug Mitchell&George Miller&Terry Hayes / ผู้กำกับภาพยนตร์...Ken Cameron
ดารานำแสดง...Nicole Kidman-Hugo Weaving-Denholm Elliott-Jerome Ehlers-Noah Taylor-Debolah Kara Unger-Joy Smithers-แทน จันทรวิโรจน์-แรม วรธรรม
                      เมื่อสิ้นแม่ แคทรีน่า(Nicole Kidman) ทราบว่ายังมีพ่ออยู่ เธอจึงพยายามสืบหาพ่อจนกระทั่งทราบว่าอยู่ที่กรุงเทพฯ เธอจึงเดินทางมากรุงเทพฯแต่ระหว่างทางมีอาร์กี้(Jerome Ehlers) หนุ่มน่ามลเข้ามาตีสนิท คบหาจนตกหลุมรักกัน  ที่กรุงเทพฯริชาร์ด คาริเซิล(Hugo Weaving) พยายามเกลี้ยกล่อมให้ฮอล สแตนตัน(Denholm Elliott) ไปพบแคทรีน่าลูกสาวแต่ฮอลปฏิเสธ  ทำให้แคทรีน่าต้องผิดหวังกลับไป แต่ที่สนามบินอาร์กี้ฝากกระเป๋าไว้กับเธอแล้วหายตัวไป ปรากฏว่ากระเป๋าของอาร์กี้มียาเสพติดเธอจึงถูกตำรวจปราบปรามยาเสพติดของไทยพ.ต.ต.อุดม สุวรรณสาระ(แทน จันทรวิโรจน์)จับข้อหาขนยาเสพติด  เธอถูกส่งเข้าคุกไปอยู่ในแดนนักโทษชาวต่างชาติคดีค้ายาเสพติดที่เรียกกันว่า บางกอกฮิลตัน   ทางด้านคาริเซิลก็ไปหาฮอลอีกครั้งเพื่อหาทางช่วยแคทรีน่า  คราวนี้ฮอลจึงออกมาแสดงตัวว่าเป็นพ่อของเธอและให้ความร่วมมือกับคาริเซิลช่วยเหลือแคทรีน่า แต่ไม่สำเร็จศาลสั่งลงโทษถึงขั้นประหารชีวิต  ทางเดียวที่แคทรีน่าจะรอดก็คือการศึกษาพิมพ์เขียวของเรือนจำแล้ววางแผนให้แคทรีน่าแหกคุกออกไป

Bngkok Hilton แดนที่ขังนักโทษชาวต่างชาติคดีค้ายาเสพติด

                       ภาพยนตร์แนวดราม่าน้ำตานองอาบสองแก้มมีปนระทึกตื่นเต้นอยู่บ้างประปรายเป็นภาพยนตร์ซี่รี่ย์ที่สร้างฉายทางทีวีของผู้สร้างชาวออสเตรเลียที่ใช้บริการดาราดังที่สมัยนี้เรารู้จักกันดีมาร่วมแสดงหลายคน (ตอนที่แสดงเรื่องนี้อาจยังไม่ดังเท่าไร)
                       นิโคล คิดแมนประสบความสำเร็จดีในการแสดงภาพยนตร์ในฮอลีวู๊ดมากที่เรารู้จักกันดี    แดนโฮล์ม เอเลียตดาราอาวุโสที่ฝีมือคุณภาพคับแก้วมานานแล้ว(เสียชีวิตแล้ว)    ฮิวโก้ เวพวิ่งจากภาพยนต์ไตรภาคเรื่องยิ่งใหญ่ถึงสองเรื่องซ้อนคือเรื่อง The Lord of the Rings ทั้งสามภาคและ The Matrix อีกสามภาครวมแล้วทำเงินไม่รู้กี่พันล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ   ส่วนดาราสมทบอย่างโนอาห์ เทเลอร์ก็ดังมาจากเรื่อง Shine และบทนักประดิษฐ์ผู้ช่วยของแองเจลีน่า โจลี่ใน Tomb Raiders ทั้งสองภาค กับนางเอก เดโบราห์ คาร่า อังเกอร์นางจากเอกจากเรื่อง Crash และ The Games ก็มาร่วมแสดงเป็นนักโทษในเรื่องนี้ด้วย



                         เนื้อหาของภาพยนตร์นำเสนอสองเรื่องราวไปพร้อมๆกัน เนื้อหาแรกเกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทยเราในเชิงดูแคลนว่านอกจากจะหาความยุติธรรมไม่ได้แล้ว  ด้านการดำเนินการต่างๆยังล่าช้าล้าหลัง  ทำให้หญิงสาวผู้บริสุทธิ์คนหนึ่งต้องถูกลงโทษทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจว่าเธอไม่มีความผิดแต่ผู้เกี่ยวข้องอย่างเช่นตำรวจไทยกลับไม่ใส่ใจจะหาหลักฐานพยานตามจับคนผิดจริงๆมาลงโทษ   อีกเนื้อหาหนึ่งนำเสนอให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับลูกที่เพิ่งจะมาพบหน้ากันเป็นครั้งแรก ดูเขอะเขิน อึกอักแล้วจึงค่อยๆพัฒนาป็นความรักความห่วงใยแน่นแฟ้นขึ้นในเวลาต่อมา
                        เมื่อเนื้อหามันทิ่มแทงใจดำคนไทยเช่นนี้ มีหรือจะได้เข้ามาถ่ายทำในประเทศไทยโดยที่คนไทยไม่ประท้วง คัดค้านแต่บังเอิญว่าทีมงานสร้างไทยที่รับงานไว้ถอนตัวไม่ทันจึงจำเป็นต้องช่วยเท่าที่จะทำได้ ฉากง่ายๆไม่เอิกเกริกก็ถ่ายเงียบๆไปโดยเฉพาะฉากวิวทิวทัศน์ จุดเด่นๆของกรุงเทพฯก็ถ่ายเก็บไว้เพื่อไปตัดต่อเข้ากับฉากในคุกที่สร้างฉากถ่ายทำกันที่โรงถ่ายในออสเตรเลีย


(ซ้าย) ฉากนิโคล คิดแมนที่โรงแรม / (ขวา) ฉากเอเลียตกับเวฟวิ่ง นั่งเรือในคลอง

ภาพวิว-ทิวทัศน์กรุงเทพฯที่โดดเด่นถูกตัดต่ออยู่ในภาพยนตร์

                         สำหรับตัวประกอบชาวไทยที่ร่วมแสดงเป็นนักโทษบ้าง ผู้คุมนักโทษบ้างส่วนใหญ่ก็เป็นคนไทยที่อาศัยอยู่ในออสเตรเลียทั้งนั้น จึงพูดไทยชัดเจนทุกคน แต่ดาราที่มีบทแสดงของไทยที่รู้จักมีสองท่านคือคุณแทน จันทรวิโรจน์ ในบทพ.ต.ต.อุดม สุวรรณสาระเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จับนางเอกนิโคล  อีกท่านคือคุณแรม วรธรรมเป็นอัยการฟ้องนางเอกนิโคล ทั้งสองท่านนี้แสดงได้อย่างโดดเด่น
                                                     แทน จันทรวิโรจน์-ร่วมแสดง


แรม วรธรรม-ร่วมแสดง

                           สำหรับภาพพจน์ของคุกเมืองไทยไม่มีอะไรเสียหายนัก ผู้คุมไม่เคยทำอะไรรุนแรงกับนักโทษ  คุกอาจจะมีสภาพอันสกปรกให้เห็นนิดหน่อยไม่ถือโทษโกรธผู้กำกับศิลป์เขาเลยแต่ที่รับไม่ได้เลย...ก็คือฉากการแหกคุกของนางเอกนิโคลที่ใช้แค่มือเปล่าๆขุดดินออกไปซึ่งตามเนื้อเรื่องเธอเป็นโรคหืดหอบด้วย อันนี้ดูถูกคุกไทยกันอย่างแรงนิ

                                                        

                           แม้จะมีข่าวการแหกคุกในประเทศไทยบ่อยครั้งแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคุกในประเทศไทยนี้มันแหกง่ายยังกะแหกหูแหก...ตายังงั้น  ผู้กำกับฯน่าจะให้นางเอกนิโคลมีส้อมสักอันเอาไว้ช่วยขุดดิน สมเหตุสมผลกว่าเยอะเลย...

80 วันรอบโลก / Around the World in 80 days (1989)-tv



80 วันรอบโลก / Around the World in 80 days (1989)-tv
บทภาพยนตร์...John Gay / ดนตรีประกอบ...Billy Goldenberg / ถ่ายภาพ...Nicholas D. Knowland / ลำดับภาพ...Less Green&David Beatty&Peter Parasheles / ออกแบบงานสร้าง...Mike Porter / กำกับศิลป์...Jonathan Cheung&Ian Watson&Vladislav Lasic&ไชยัณห์ จันสุทธิวัฒน์ / อำนวยการสร้าง...Renee Valente / กำกับภาพยนตร์...Buzz Kulic
ดารานำแสดง...Pierce Brosnan-Eric Idle-Julia Nickson-Peter Ustinov-Christopher Lee-Roddy Mcdowall

               ฟิเลียส ฟ็อกซ์ (Pierce Brosnan) หนุ่มผู้ดีอังกฤษพนันกับเพื่อนในสโมสรว่าตัวเขาเองสามารถเดินทางรอบโลกได้ในเวลา 80 วัน  บังเอิญวันที่ฟิเลียส ฟ็อกซ์กับคนรับใช้ปาสปาตู (Eric Idle) ออกเดินทางธนาคารของอังกฤษถูกโจรปล้นทางธนาคารเข้าใจผิดคิดว่าฟิเลียส ฟ็อกซ์กับปาสปาตูเป็นผู้ร้ายกำลังจะหนีออกนอกประเทศผู้บริหารธนาคารจึงส่งนักสืบฟิกซ์ (Peter Ustinov) ออกสะกดรอยตามทั้งสองนายบ่าวไปมีหลักฐานพร้อมที่ไหนเมื่อไหร่ให้ออกหมายจับได้ทันที   ฟิเลียส ฟ็อกซ์กับปาสปาตูมีปัญหาในการเดินทางมากมายแต่ก็พยายามแก้ไขและหาทางเดินทางต่อไปจนได้ไม่ว่าจะขึ้นรถ ลงเรือ โดยสารรถไฟ ขึ้นบอลลูน  จนไปถึงอินเดียพวกเขาต้องเดินทางต่อด้วยการขี่ช้างบุกป่าจนไปพบและช่วยเหลือองค์หญิงเออูด้า(Julia Nickson) จากการถูกเผาทั้งเป็นเพื่อบูชายันต์  สองนายบ่าวพาเออูด้าไปฮ่องกงแล้วพากันเดินทางต่อไปอเมริกา  ทางธนาคารจับโจรได้แล้วนักสืบฟิกซ์จึงเลิกติดตามไป   ในที่สุดฟิเลียส ฟอกซ์พร้อมด้วยปาสปาตูและ เออูด้าก็เดินทางกลับมาถึงลอนดอนแต่ช้าไป 5 นาที   

                 ภาพยนตร์ซี่รี่ย์แนวผจญภัยและใช้สมองจากบทประพันธ์ของจูลย์ เวิร์น ที่เดินทางตามรอยของภาพยนตร์เจ้าของรางวัลออสการ์ภาพยนตร์ยอดเยี่ยมปี ค.ศ.1956 ทุกฝีก้าว แม้กระทั่งการมาถ่ายทำในประเทศไทยโดยสมมุติเป็นประเทศอินเดีย  มีดารามีชื่อเสียงรับเชิญแสดงไม่ด้อยกว่ากันโดยมีเพี๊ยซ บรอสแนนกับอิริค ไอเดิ้ลนำแสดง

Pierce Brosnan-Eric Idle-Julia Nickson-Peter Ustinov
                 เนื่องจากเป็นภาพยนตร์ที่สร้างเพื่อฉายทางทีวีและเคเบิ้ลทีวี   ภาพยนตร์จึงเพิ่มรายละเอียดเข้าไปได้มากกว่าภาพยนตร์ฉบับฉายในโรงภาพยนตร์ ภาพยนตร์เลยมีความยาวมากกว่าสามชั่วโมง

บอลลูนก็ขึ้น-ช้างก็ขี่-เดินทางในทุกรูปแบบ

ทางรถไฟสายมรณะหรือทางรถไฟสายถ้ำกระแซสิ้นสุดที่ท่าเสา(สถานีน้ำตก)

                  เมื่อไม่มีข้อห้าม ฟิเลียสอัส ฟ็อกซ์กับปาสปาตูจึงสามารถที่จะเดินทางโดยวิธีไหนพาหนะใดก็ได้  การเดินทางของสองนายบ่าวจึงทั้งตื่นเต้นลุ้นระทึก ผู้ชมจะสนุกสนานไปกับความรู้สึกผูกพันที่เกิดขึ้นต่อกันของนายกับบ่าว   ช่วงที่ทั้งคู่มาถึงอินเดียแล้วนั่งรถไฟไปจนสุดรางที่สร้างไม่เสร็จ จึงต้องอาศัยขี่ช้างเดินทางต่อไปนั้นถ่ายทำที่ทางรถไฟสายมรณะเมืองกาญจนบุรีประเทศไทย จากนั้นก็ถึงฉากมาลงเรือจะไปฮ่องกงต่อแต่ถูกผู้ร้ายจับตัวไปขังไว้ที่พม่าแทนฉากนี้ถ่ายทำที่กรุงเทพฯ
                       การเดินทางรอบโลกโดยใช้เวลา 80 วันนั้นตอนนี้หมดสมัยไปแล้วเพราะเดี๋ยวนี้โลกเรามีเครื่องบินใช้ มีเครื่องมือสื่อสารเจริญก้าวหน้าจนเป็นยุคโลกไร้พรหมแดนแล้วไม่ว่าจะอยู่ส่วนไหนของโลกแค่กดปุ่มครั้งเดียวก็ได้ยินเสียงได้เห็นหน้ากันแล้ว   แต่ก็มีพวกล้าหลังที่ชอบกดปุ่มแบบผิดๆโดยเฉพาะที่ประเทศแถบเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ประเทศหนึ่งในสามจังหวัดชายแดนที่ภาคใต้ของประเทศนี้มีกดปุ่มกันทุกวัน วันละหลายๆครั้งไม่รู้จะขยันกดอะไรกันหนักกันหนา  กดปุ๊บก็ ตูม! ทันที
                     ถ้าสามารถเอาคืนกันได้โดยเอาอดีตมาอ้างสิทธิ์ความเป็นเจ้าของ  ปัจจุบันไทยเราน่าจะใหญ่กว่านี้ รวยกว่านี้เพราะทั้งที่ดิน ทั้งทองคำที่เราเสียให้เพื่อนบ้านไปก็มากมายอยู่  ถ้าได้คืนมาก็รวยตาย...
                      สงสารแต่คนอเมริกาไม่มีที่จะอยู่
             

วันอังคารที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

พ่อลูกพะรุงพะรัง / Vice Versa (1988)



พ่อลูกพะรุงพะรัง / Vice Versa (1988)
บทภาพยนตร์...Dick Klement&Ian La Frenais /  ดนตรีประกอบ...David Shire /  ถ่ายภาพ...King Baggot /  ลำดับภาพ...David Garfield / ออกแบบงานสร้าง...Eva Anna Bohn&James L. Schoppe / กำกับศิลป์...Eva Anna Bohn /  อำนวยการสร้าง...Dick Klement&Ian La Frenais /  ผู้กำกับภาพยนตร์...Brian Gilbert
ดารานำแสดง...Judge Reinhold-Fred Savage-Swoosie Kurtz-ทวนธน คำมีศรี-สุลาลีวัลย์ สุวรรณทัต-แรม วรธรรม-James Hong
                      มาร์แชล ซีมัวร์(Judge Reinhold)ผู้บริหารห้างสรรพสินค้าชิคาโก้กลับจากการเดินทางไปเที่ยวเมืองไทยถึงบ้านจึงได้พบว่าวัตถุโบราณที่เขาซื้อมาเกิดไปสับเปลี่ยนกับวัตถุโบราณของใครก็ไม่รู้และโดยไม่ทันตั้งตัววัตถุนั้นก็แสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์สลับเปลี่ยนร่างซีมัวร์กับชาลี่ย์(Fred Savage) ลูกชายของเขา   คราวนี้ยุ่งแน่เมื่อพ่อในร่างลูกต้องไปเรียนหนังสือและลูกในร่างพ่อต้องไปทำงานบริหารห้างฯใหญ่และไปทานข้าวกับแฟนสาวทีน่า บลู๊คส์(Swoosie Kurtz) แต่ที่เลวร้ายไปกว่านั้นเจ้าของวัตถุโบราณประหลาดนั่นกำลังตามล่าตัวซีมัวร์อยู่เพื่อทวงเอาของคืน  ซีมัวร์ต้องรีบหาหนทางสลับร่างกับลูกชายให้มาเป็นเหมือนเดิมให้ได้ก่อนจะคืนวัตถุโบราณให้เจ้าของไป



                     ภาพยนตร์ออกแนวสนุกสนาน มีความชุลมุนวุ่นวายเป็นมุขหลัก  เนื้อหาว่าด้วยเรื่องการสลับร่างสร้างรัก หวานมันฉันคือเธอ  เป็นพล็อตที่นำมาใช้สร้างภาพยนตร์กันมากติดอันดับต้นๆพล็อตหนึ่งแล้วแต่ว่าภาพยนตร์เรื่องใดจะสอดแทรกสาระเอาไว้ในภาพยนตร์ได้ดีกว่ากันเท่านั้น

                                 Judge Reinhold-Fred Savage-รับบทพ่อลูก

                        สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ชี้ให้เห็นว่าเมื่อพ่อกลายมาเป็นลูกพ่อจะรู้ว่าลูกต้องเจอะเจอปัญหาอะไรบ้างในชีวิตและเมื่อลูกกลายไปเป็นพ่อลูกก็จะพบว่าพ่อจะต้องเจอะเจอปัญหาอะไรในชีวิตบ้างเช่นเดียวกัน ดังเพลงของแอ๊ด คาราบาวที่ว่า...เอาดวงใจของเขาใส่ดวงใจของเราแล้วจะรู้ว่าเขาคิดกับเรายังไง...ก็คือการให้เอาใจเขามาใส่ใจเรา คนเราทุกคนก็จะได้เข้าใจถึงเหตุผลในการกระทำต่างๆของเขาทุกๆคน ผู้หญิงเข้าใจผู้ชาย พ่อเข้าใจลูก  เมื่อทุกคนเข้าใจกันความรักความสามัคคีก็จะบังเกิด
                       ทีมงานสร้างเลือกจั๊ดด์ ไรโนลด์กับเฟรด ซาเวจมารับบทพ่อลูกที่ต้องสลับร่างกันดูแล้วเหมาะสมกับบทกันดี หน้าตาคล้ายๆกันยังกะเป็ดกับไก่

จั๊ดด์ ไรโฮลด์-วัตถุโบราณกำลังออกฤทธิ์-เฟรด ซาเวจ

พ่อลูกสลับร่างกัน
                        ในตอนต้นเรื่องทีมสร้างภาพยนตร์ยกกองถ่ายทำมาถ่ายทำในกรุงเทพฯประเทศไทย เริ่มตั้งแต่พระตีระฆังส่งสัญญาณให้จับขโมยที่ขโมยวัตถุโบราณแล้วโดดลงแอ่งน้ำสกปรกหนีไปได้ จากนั้นบนเรือล่องแม่น้ำเจ้าพระยา คุณแรม วรธรรมกล่าวและดื่มอวยพรคนที่มาเที่ยว   ที่บนบ้านริมแม่น้ำเจ้าพระยามีคนมาขอซื้อวัตถุโบราณจากคุณเกา(James Hong)   คุณป้าสุลาลีวัลย์ สุวรรณทัตรับบทแม่บ้านคุณเกานั่งตาขวางทำกับข้าวอยู่ไม่ห่างนัก

(ซ้าย) คุณ แรม วรธรรม / (ขวา) คุณสุลาลีวัลย์ สุวรรณทัต

                         ฉากต่อมาเป็นฉากที่จั๊ดด์ ไรโฮลด์มาหาซื้อวัตถุโบราณ ก่อนจะไปนั่งทานข้าวที่ร้านอาหารของโรงแรม สองฉากนี้ มีคุณทวนธน คำมีศรีร่วมแสดงด้วยในบทผู้ที่แอบลักลอบค้าวัตถุโบราณของไทยกับคนต่างชาติ

ทวนธน คำมีศรี-ร่วมแสดง

คุณ สุภัค  ปิติธรรม-รับบทพระสงฆ์

                          ของทุกสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมา  ผู้สร้างล้วนมีวัตถุประสงค์ในการสร้างขึ้นมาทั้งสิ้น
ไม่ว่าจะเป็นวัตถุมงคลหรือวัตถุที่เป็นอัปมงคลทุกชิ้นล้วนมีเจ้าของเฝ้าดูแลและมีที่อยู่ที่ถูกต้องเหมาะสม  ใครที่ไหนคิดเคลื่อนย้ายนำไปอยู่ผิดที่ผิดทาง  นำไปใช้ในทางที่ผิด บุคคลเหล่านั้นก็อาจต้องเจอกับอาถรรพณ์อันเป็นภัยต่อชีวิต    ในภาพยนตร์เรื่องนี้ยังเป็นแค่วัตถุประหลาดๆที่ยังไม่สลักสำคัญอะไรนักยังก่อให้เกิดเรื่องสลับร่างกันวุ่นวายถึงเพียงนี้แล้วถ้าเกิดเป็นวัตถุโบราณที่สำคัญ เป็นของคู่บ้านคู่เมืองของประเทศไทยเราละก็   มีโทษตายสถานเดียว


                                  นี่เป็นคำเตือนจาก...ขุนเดช   !!!